เชียงราย-จิ๊กกุ่งเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ที่สามารถกินได้คล้ายจิ้งหรีด แต่ตัวโตกว่ามีเนื้อมากว่าจิ้งหรีด ในช่วงปลายฝนต้นหนาว เริ่มมีจิ๊กกุ่งส่งเสียงร้องดังงมไปทั่ว ยามค่ำคืนเพื่อผสมพันธุ์ ตัวเมียพร้อมที่จะวางไข่ ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งระหว่างนี้ มีชาวบ้าน ที่เป็น เซียนหาจิ๊กกุ่งพากันขุดไปขายตามตลาดเช้า มีเท่าไรก็ขายหมด บางตลาดต้องแย่งกันเลยที่เดียว เดี๋ยวไม่ทันซื้อจิ๊กกุ่งหมดก่อน หาซื้อยากกว่าซื้อทองในร้าน
วันที่ 26 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายอาหล่อง แซ่หวง อายุ 18 ปี มือหาจิ๊กกุ่ง ที่บริเวณบ้านสันเกล็ดทอง ม.7 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้นำอุปกรณ์หาจิ๊กกุ่งพร้อมทีมงาน เดินตามสวนลิ้นจี่-สวนลำใย ซึ่งพบว่าใต้ต้นไม้ มีพืชต้นเล็ก ๆ ที่เป็นอาหารโปรดของจิ๊กกุ่ง ซึ่งกลุ่มเซียนหาจิ๊กกุ่ง เดินตามเสียงจิ๊กกุ่ง แบบย่องเงียบ เมื่อตามเสียงไปจะเห็นรู ก็พร้อมปฎิบัติการใช้จอบ-เสียบ แทงปิดปากรู ไม่ให้จิ๊กกุ่งย้อนเข้ากลับไปในรูได้
มีรายงานว่า ช่วงกลางวัน เซียนหาจิ๊กกุ่งจะออกบ้านตั้งแต่เช้า นำอุปกรณ์จอบ เสียม พลั่ว เข้าสวนลำไย-สวนลิ้นจี่ ซึ่งกลางวันจิ๊กกุ่งไม่ส่งเสียงร้อง เซียนจะต้องหารูดินเป็นขุย ๆ มีหญ้าปกปิดปากหลุม เมื่อเห็นหลุมจะใช้จอบ หรือเสียมขุดรู ในส่วนกลางคืน ใช้วิธีฟังเสียงจิ๊กกุ่งร้อง ดังระงมไปทั่ว ต้องคอยเดินย่องเบา ๆ ไม่ให้จิ๊กกุ่งรับรู้แรงสะเทือนเวลาเดิน ไม่งั้นตัวจิ๊กกุ่งจะหลบเข้าหลุมเงียบไม่ส่งเสียง
ในช่วงนี้ จะมีชาวบ้านออกไปหาจิ๊กกุ่ง มาขายตามท้องตลาด จะราคาตัวละ 2-3 บาท สร้างรายได้ให้กับเซียนหาจิ๊กกุ่ง ซึ่งหนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้จิ๊กกุ่งเริ่มลดน้อยลงตามท้องนา เนื่องจากท้องนามีการพ่นฉีดยาทำให้จิ๊กกุ่งเริ่มหายากขึ้น แต่หาได้ตามสวนลำไย-ลิ้นจี่ ซึ่งจิ๊กกุ่งชอบกินใบพืชชนิดหนึ่ง ที่อยู่ตามใต้ต้นไม้
ข่าวน่าสนใจ:
ขั้นตอนก่อนนำมาทำทาน ต้องเอาจิ๊กกุ่งไปล้างน้ำก่อนเอาดินออกให้หมด และไม่ให้จิ๊กกุ่งมีรสขมจากขี้ในท้อง ให้หักช่วงคอหลังดึงเส้นสีดำออก เวลาไปทำอาหารจะไม่มีรสชาติขม จิ๊กกุ่งถือได้ว่าเป็นอาหารโปรดของคนเหนือมากที่สุด กินได้ทั้งตัว มีโปรตีนสูงถึง 12 % สามารถน้ำมาปรุงอาหารได้หลายอย่าง เช่น น้ำพริก หรือนำไปทอดกรอบจะมีรสชาติ-กรอบ-หอม-มัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: