ตร.บุรีรัมย์รวบสาวแสบแอบอ้างเป็นเลขา “กรุณา ชิดชอบ” นายก อบจ. สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง เพื่อตีสนิทหนุ่มใหญ่แล้วหลอกยืมเงินอ้างนำไปร่วมลงทุนทำธุรกิจรับเหมาและร้านอาหารต่างประเทศกับกรุณา สุดท้ายสูญเงินกว่า 5 แสน ทั้งยังกล่าวหาว่ากรุณา ทำธุรกิจส่งเด็กสาวไปขายบริการต่างประเทศ กรุณาส่งตัวแทนเข้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาทยันเอาผิดถึงที่สุดเพราะทำให้เสียชื่อเสียง
วันนี้ (12 ธ.ค.61) พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้งานสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.กัมพล วงษ์สงวน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ,พ.ต.ท.เอกลักษณ์ ดิเรกกุล สว.สส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ , ร.ต.อ.ชนะชน ดวงพทุธา , ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ เย็งประโคน , ร.ต.อ.จักรรพดิ์ ปานทอง , ร.ต.อ.ธรเดช นิภารักศ์ , ร.ต.อ.เดชะ ธัญถนอม พร้อมด้วยชุดสืบสวน 2 สภ.เมืองบุรีรัมย์ ติดตามจับกุมตัว น.ส.พัชรา อาตนะจันทร์ หรืออุ้ย อายุ 26 ปี ชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนายสมหมาย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เอกพงษ์ เดชพรมรัมย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง ว่า ถูก น.ส.พัชรา ฉ้อโกงเงินไปกว่า 500,000 บาท ซึ่งล่าสุดสามารถจับกุมตัวได้ขณะ น.ส.พัชรา เดินทางเข้ามาในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ แล้วควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมือง
ข่าวน่าสนใจ:
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.พัชรา มีพฤติการณ์แอบอ้างว่าตัวเองเป็นเลขาคนสนิทของนางกรุณา ชิดชอบ นายก อบจ.บุรีรัมย์ ภรรยาของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง ก่อนจะใช้กลอุบายหลอกล่อยืมเงินนายสมหมาย ผู้เสียหาย อ้างว่าจะนำไปร่วมลงทุนทำธุรกิจรับเหมาทำถนนลาดยางที่รับงานต่อมาจากนางกรุณา และร่วมทำธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศที่นางกรุณาทำอยู่ด้วย เช่น ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ และมาเลเซีย มีผลกำไรสูง จนเหยื่อตายใจหลงเชื่อให้เงินไปครั้งละหลักหมื่นหรือแสน ทั้งที่เป็นเงินสดและโอนเข้าบัญชีรวมทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท ทั้งนี้ผู้ต้องหายังได้กล่าวหาว่า นางกรุณา ชิดชอบ ทำธุรกิจสีเทาส่งเด็กสาวไปขายบริการในร้านอาหารที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวอ้าง
จากการสอบถาม น.ส.พัชรา ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ได้รู้จักสนิทสนมหรือเป็นเลขาของนางกรุณาจริง เป็นเพียงการแอบอ้างตัวเพื่อให้คนที่ตนเองไปหลอกลวงหลงเชื่อเท่านั้น พร้อมยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำ และฝากขอโทษ นางกรุณา ชิดชอบ ที่ตนเองไปแอบอ้างและกล่าวหาทำให้เสื่อมเสียด้วย
ด้านนายสมหมาย ผู้เสียหาย บอกว่า ตอนแรกรู้จักกับ น.ส.พัชรา ด้วยการติดต่อกันทางโซเชียล กระทั่งมีการนัดเจอกันและ น.ส.พัชราก็มาตีสนิทโดยแอบอ้างว่าตัวเองเป็นเลขาคนสนิทของนางกรุณา จึงเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้น น.ส.พัชราก็มาหลอกยืมเงินครั้งละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง โดยอ้างว่าจะนำไปลงทุนทำธุรกิจรับเหมาทำถนนลาดยาง ที่รับงานต่อมาจากนางกรุณา โดย น.ส.พัชรา มีการถ่ายรูปการซ่อมสร้างถนน และรูปภาพของนางกรุณา ในสถานที่ต่างๆ มาให้ดูเพื่อให้ตายใจด้วย บางครั้งก็ยังเคยพาลงพื้นที่ไปดูการทำถนนลาดยางด้วย และบอกว่าหากได้เปอร์เซ็นต์หรือกำไรจากการรับเหมางานก็จะคืนเงินให้พร้อมผลตอบแทน จึงหลงเชื่อให้ยืมเงินไปทั้งที่เป็นเงินสดและโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 500,000 บาท กระทั่งล่าสุด น.ส.พัชรา มาหลอกขอยืมเงินอีกโดยอ้างว่าจะไปร่วมทำธุรกิจส่งหญิงสาวไปทำงานที่ร้านอาหารในต่างประเทศ จึงเริ่มเอะใจและปฏิเสธไม่ร่วมลงทุน ทั้งได้ขอเงินที่ยืมไปคืน โดย น.ส.พัชรา ก็รับปากจะคืนให้ แต่พอถึงเวลานัดคืนเงินกลับติดต่อไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ขณะที่นางกรุณา ชิดชอบ นายก อบจ.บุรีรัมย์ ได้มอบอำนาจให้นางอมรรัตน์ นพพลกรัง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สยาม เกียรติบรรจง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้เอาผิดกับ น.ส.พัชราตามกฎหมายถึงที่สุด ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะนางกรุณาไม่เคยรู้จักกับ น.ส.พัชราตามที่กล่าวอ้าง และไม่ได้ทำธุรกิจสีเทาตามที่ถูกกล่าวหาด้วย และฝากถึงคนที่ตกเป็นเหยื่อถูก น.ส.พัชรา หลอกลวง โดยแอบอ้างว่าชื่อของนางกรุณา เพื่อไปหาผลประโยชน์ ก็ให้มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ทางด้านพนักงานสอบสวนเบื้องต้น ได้แจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ , หมิ่นประมาท” พร้อมควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากใครถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวก็สามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: