สระแก้ว – ฝังหมูเถื่อน 4,000 ตัน จำนวน 20 ตู้คอนเทนเนอร์ชุดแรก จากทั้งหมด 160 ตู้ ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ พื้นที่ชายแดน ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว พร้อมประชุมหารือหน่วยงานและพื้นที่กำหนดแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบ หวั่นปัญหากลิ่นเหม็นและสิ่งแวดล้อมตามมา
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 2 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหลังศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มอบหมาย ให้นายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นายจักรกฤษณ์ ธนะนพรัตน์ นายอำเภอคลองหาด ,นายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ,นายประสิทธิ์ ต้อยติ่ง ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว ผู้แทนจากส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ปศุสัตว์เขตฯ ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว ปศุสัตว์อำเภอ ศุลกากร สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ร่วมตรวจสอบและดูการเคลื่อนย้ายซากหมูเถื่อนมาฝังกลบ โดยมีการประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการฝังกลบทำลายซากหมูของกลาง ที่ได้จากการตรวจยึดของกรมศุลกากรที่ดำเนินคดีแล้ว จำนวน 160 ตู้คอนเทรนเนอร์ น้ำหนักรวมประมาณ 4,000 ตัน โดยกรมปศุสัตว์ใช้พื้นที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดสระแก้ว ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จังหวัดสระแก้ว เป็นสถานที่ดำเนินการฝังกลบฯ ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ มีการขนย้ายมารวมประมาณกว่า 20 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งในการทำงานแต่ละตู้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารของทุกฝ่าย ก่อนนำมายังบ่อ แล้วใช้เครนยกเททีละตู้ ประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกบ้าง ทำให้พื้นดินรถบรรทุกเข้าลำบาก
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการฝังกลบทำลายซากหมูของกลางนั้น มีประเด็นหารือสำคัญเพื่อป้องกันปัญหาการปนเปื้อนของน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และปัญหากลิ่นเหม็นที่จะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้แทน อบต.คลองไก่เถื่อน ร่วมรับฟังและเสนอข้อคิดเห็นด้วย สำหรับเป็นแนวทางในการฝังกลบให้เป็นไปตามหลักวิชาการและกำหนดเตรียมแผนสำรองในการควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากน้ำเสียจากหลุมฝังกลบ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่
นายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ได้มาตรวจสอบและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในส่วนดำเนินการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วมพูดคุย เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่กังวลเรื่องการนำซากหมูมาฝังกลบว่า จะส่งกลิ่นและมลพิษหรือไม่นั้น โดยหลังจากพูดคุยกันกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยในตอนนี้ยังไม่พบปัญหา แต่ก็ได้ชี้แจงข้อสงสัยและเป็นที่เข้าใจตรงกัน และจะให้ทำอย่างรัดกุมที่สุดตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ตามที่เคยดำเนินการมาแล้ว ซึ่งในส่วนการทำงานได้เสนอกับทางปศุสัตว์ว่า ให้ทางผู้นำชุมชนได้เข้าไปติดตามในการดำเนินการ เพื่อจะได้ทราบข้อมูลมาทำความเข้าใจและสร้างความสบายใจให้กับประชาชนได้
ข่าวน่าสนใจ:
- กาญจนบุรี พิธีตักบาตรพระ 10,000 รูป ฉลองตั้งเมือง 193 ปี พร้อมอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ
- สงขลา"นทท.มาเลย์ฯเที่ยวไทยเเน่น"รับปิดเทอมและปีใหม่ คาดเงินสะพัดในสงขลานับพันล้านบาท
- บุรีรัมย์ เตือนวัยรุ่นอย่าทำ ขับรถหวาดเสียว ยกล้อโชว์ จับส่งศาล ศาลพิพากษาสั่งปรับและจำคุก
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
ส่วน นายประสิทธิ์ ต้อยติ่ง ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า สำหรับการฝังกลบซากหมูจะใช้วิธีขุดหลุมกว้าง 150 เมตร กว้าง 9 เมตร ลึก 4 เมตร แล้วจะเทซากหมูลงไป 2 เมตร ฝังดิน 2 เมตรและถมพูนขึ้นมาอีก 2 เมตร เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ และหากหลุมใดที่พบปัญหาเจอหิน ก็จะขุดลึก 3 เมตร เทซากหมู 1 เมตร และถมดินขึ้นมา 2 เมตรเสมอผิวดินและถมพูนขึ้นมาอีก 2 เมตร ทั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก้ปัญหาในสิ่งที่ประชาชนเกิดความกังวล
ทางด้าน นายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สำหรับการฝังกลบต้องการทำด้วยความโปร่งใส และทำให้เกิดความปลอดภัยและปกป้องสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เกิดปัญหาไปกระทบต่อพี่น้องประชาชนละแวกนี้ ซึ่งในการฝังกลบจะใช้ผ้ายางพีอีรองพื้นและซีลเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำเลือด และอีกประเด็นที่จะซึมไปแหล่งน้ำธรรมชาติหรือไม่นั้น จะมีการรองให้เหนือปากหลุมไปไม่ต่ำ 1 เมตรและพูนสูงขึ้นไปอีกกว่า 2 เมตร ในส่วนเรื่องแหล่งน้ำจะให้มีการตรวจน้ำ ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อเดือนแต่ก็จะพยายามอยากให้มีการตรวจทุกอาทิตย์ว่ามันมีผลกระทบไปยังแหล่งน้ำธรรมชาติหรือไม่ แต่ในพื้นที่ของศูนย์ก็จะมีป่าหญ้าและต้นไม้ เพื่อคอยดูดซึมอยู่แล้วดังนั้นจะมีการเก็บน้ำของในศูนย์ตรวจสอบก่อนถ้าน้ำในศูนย์เราตรวจพบ สิ่งแรกจะใช้รถแบคโฮขุดร่องน้ำไว้ระหว่างตัวหลุมและปลูกต้นไม้ที่มีรากยาวเช่นต้นยูคา เพื่อดูดซับน้ำที่อาจจะพีคออกไปก็จะช่วยซับได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ฝังกลบซากหมูเถื่อนดังกล่าว คดีพิเศษที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งซากหมูเถื่อนของกลางทั้งหมดมี 161 ตู้ น้ำหนักรวม 4.5 ล้านกิโลกรัม ซึ่งมีการเผาทำลายไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยที่เหลือจะใช้วิธีฝังกลบในบ่อที่เตรียมไว้ จำนวน 3 บ่อ แต่ละบ่อมีความยาว 150 เมตร บรรจุหมูได้ บ่อละ 1.5 ล้านกิโลกรัม โดยก่อนดำเนินการทำลาย ทางกรมปศุสัตว์จะเทน้ำยาฆ่าเชื้อที่บ่อ และฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อที่ตัวกล่องเน่า เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม คาดว่า จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5 วัน วันละประมาณ 35 ตู้ ซึ่งการดำเนินการทำลายซากหมูเถื่อนทั้งหมด จะมีค่าใช้จ่าย จำนวน 12 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทสายเรือที่รับบรรทุกสินค้า(ซากหมู) จำนวน 161 ตู้
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าว ขณะนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนผู้กล่าวหา พยานสายเรือ พยานผู้จัดทำระบบเอกชน ที่บริษัทผู้นำเข้ามาขอใช้บริการ ซึ่งเดิมมีผู้นำเข้าสินค้า(ซากหมู)จากเดิม 10 บริษัท ได้สอบสวนขยายผลไป เป็น 18 บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบนิติบุคคลบริษัทที่ขยายผล เพื่อจะทราบตัวผู้กระทำความผิด และจากการตรวจสอบ พบว่า ในจำนวน 161 ตู้ มีการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ต่างกรรมต่างวาระ จึงแยกสำนวนการสอบสวนออกเป็น 10 สำนวนและสอบสวนแยกตามบริษัทที่ร่วมกันกระทำความผิด และจะมีการสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในการนำเข้าซากหมูเถื่อนต่อไป ล่าสุด ทีมสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า มีกลุ่มบริษัทอีกประมาณ 9 บริษัท ที่ได้นำเข้าตู้สินค้าที่สำแดงเป็นสินค้าชนิดอื่น อีกประมาณ 2,385 ตู้ ซึ่งได้นำออกจากท่าเรือแหลมฉบังไปแล้ว ทางพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่า มีการกระทำความผิด ในข้อหาที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป
————————–
ข่าว-ภาพโดย/รักพงษ์ กิตติวรเมธี ทีมข่าวสระแก้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: