ตรัง-ปลูกเมล่อน 10 สายพันธุ์ และนาข้าวสีชมพูแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนเกาะสุกร ด้วยฝีมือเกษตรกรรุ่นใหม่จากต่างถิ่น แต่เห็นศักยภาพพื้นที่บนเกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ถิ่นแตงโมชื่อดังของจ.ตรัง ลงทุนซื้อที่ดิน นำความรู้ความสามารถด้านการเกษตร ทดลองนำร่องปลูกข้าวพันธุ์สีชมพู และปลูกเมล่อน 10 สายพันธุ์ หวังช่วยต่อยอดด้านการเกษตร และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างคลังอาหารและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้แก่ชาวเกาะสุกร ดึงรายได้เข้าชุมชน ปรากฏว่า ผลผลิตเมล่อนให้ผลผลิต รสชาติหวานฉ่ำ กรอบอร่อย เนื้อนุ่ม นักท่องเที่ยวแห่เที่ยว ชิม และซื้อ ทยอยตัดผลผลิตขายทุกสัปดาห์ ให้ผลผลิตโรงเรือนละ 300-500 กก. สร้างรายได้โรงเรือนละ 45,000 -70,000 บาท ไม่พอขาย
ที่ “ มีตรังฟาร์ม เมล่อนบนเกาะสุกร” หมู่ที่ 2 บ้านแหลม ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นางสาวทรรศนีย์พร นิ่มเจริญ อายุ 43 ปี ชาวจ.ราชบุรี และนายมงคล ธราดลธนสาร อายุ 43 ปี ชาว จ.มหาสารคาม เกษตรกร 2 สามีภรรยา ซึ่งทั้งคู่จบการศึกษาด้านการเกษตรจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ มีความรู้ความสามารถด้านการเกษตร และเปิดบริษัทจำหน่ายด้านเมล็ดพันธุ์พืชด้วย ได้ซื้อที่ดินบนเกาะสุกร จำนวน 8 ไร่ แบ่งพื้นที่นำร่องทดลองทำนาข้าวสายพันธุ์สีชมพู เนื้อที่ 1-2 ไร่ ซึ่งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ปลายปีนี้ และสร้างโรงเรือนปลูกพืช รวม 19 หลัง โดยเฉพาะเมล่อนสายพันธุ์ต่างๆ จำนวน 10 หลังหรือ 10 สายพันธุ์ หรือหลังละ 1 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์แสนดี เก็บเกี่ยวและขายหมดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนผ่านมา ,สายพันธุ์ดรากอนบอล เนื้อกรอบ ,สนูกรีน เมล่อนญี่ปุ่นเนื้อเขียว , ไข่มังกร ฮามีกัว เนื้อส้ม สายพันธุ์ทิเบต , แสนหวาน เป็นเมล่อนญี่ปุ่น เนื้อส้ม , แจ่มจันทร์ เป็นเมล่อนกาเลีย เนื้อส้ม ,หยกมงคล เป็นเมล่อนญี่ปุ่น เนื้อเขียวนุ่ม , อามีกัว ผลยาวคล้ายไข่มังกร ยังไม่ได้ตั้งชื่อ และเมล่อนฮามิกัว สายพันธุ์ทิเบต ผลใหญ่ เนื้อกรอบ หวานฉ่ำ วางแผนให้ออกผลผลิตในช่วงกลางเดือนธันวาคม เพราะต้องอาศัยสภาพอากาศที่เย็น โดยโรงเรือนแต่ละหลังปลูกเมล่อนจำนวน 220 ต้น ขณะนี้กำลังทยอยออกผลผลิต โดยจะเก็บผลผลิตทุกสัปดาห์ ซึ่งผลผลิตที่ได้น้ำหนักดี รสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอม อร่อย น้ำหนักตั้งแต่ 1.5กก.-2 กก.เศษ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ละโรงเรือนจะให้ผลผลิตประมาณ 300 – 500 กก. ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผลผลิตแต่ละสายพันธุ์ ราคาขายกก.ละ 150 บาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่ผลผลิตเริ่มออกจำหน่าย โดยมีการโพสต์ขายผ่านทางยูทูป และขายทางเพจเฟสบุ๊ค ชื่อ “ มีตรังฟาร์ม เมล่อนบนเกาะสุกร” ปรากฏว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาถ่ายรูปกับนาข้าวสีชมพู ดูโรงเรือนปลูกเมล่อน ชิม และซื้อกลับกันทุกคน ทำให้ผลผลิตมีไม่พอจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวถึงถิ่น
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง อึ้ง!! เด็ก-เยาวชนหลุดออกนอกระบบการศึกษากว่า 6 พันคน ศึกษาธิการตรังสั่งรวบรวม-วิเคราะห์ข้อมูล รับนโยบาย Thailand zero dropout
- ตรัง ทดลองล้อมคอกหญ้าทะเล เร่งหาทางออกฟื้นฟูหญ้าทะเล ภาระกิจด่วนทำแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่กับความอยู่รอดของพะยูน
- ตรัง จากสวนปาล์มตรังสู่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรผสมผสานต้นแบบ ขุดสระน้ำเป็นรูปเลข 9 อารบิก สอดคล้องกับแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9
- ตรัง ราคายางดิ่งกว่า 20 บาทต่อกิโลกรัม กยท.หนุนสถาบันทำโครงการชะลอยางสู้นายทุน
นางสาวทรรศนีย์พร นิ่มเจริญ เกษตรกร บอกว่าว่า แรกเริ่มตนกับสามีชอบท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ รวมทั้งมาเที่ยวเกาะต่างๆที่จ.ตรัง ก็มาเห็นศักยภาพบนเกาะสุกรว่าเป็นเกาะที่แปลกพบชาวบ้านมีการทำนาข้าว และปลูกแตงโม ซึ่งแตงโมเกาะสุกร เป็นสินค้าขึ้นชื่อของจ.ตรัง ซึ่งตนและสามีจบทางด้านการเกษตร และชื่นชอบทำงานด้านการเกษตร จึงคิดว่าเกาะสุกรเมื่อปลูกแตงโมออกมาหวาน อร่อย น่าจะต่อยอดปลูกพืชชนิดอื่น ๆ ได้ผลผลิตดีไม่แพ้กัน จึงตัดสินใจซื้อที่ดิน จำนวน 8 ไร่ จากนั้นก็แบ่งพื้นที่ ด้วยซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวสายพันธุ์สีชมพู ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่สายพันธุ์ยังไม่นิ่ง เพียงหวังจะมีส่วนช่วยในการคัดสายพันธุ์ให้นิ่งขึ้น จึงตัดสินใจซื้อเมล็ดพันธุ์มา ในราคากก.ละ 70,000 บาท มาทดลองปลูกได้ 2ปีแล้ว และเห็นว่าสายพันธุ์เริ่มนิ่ง จึงมาขยายพันธุ์เพิ่มพื้นที่ปลูกในปีนี้ หลังจากนี้หากเมล็ดข้าวสีชมพูมีคุณภาพ ก็จะส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกข้าวสีชมพูด้วย เพราะถ้าให้ผลผลิตได้ดี จะเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาบนชาวเกาะสุกรในอนาคตได้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกข้าวสีชมพู ซึ่งขณะนี้ราคาเมล็ดข้าวสีชมพูจากกก.ละ 70,000 บาท ตอนนี้ราคาเมล็ดพันธุ์อยู่ที่กก.ละ 40,000 บาท
รวมทั้งปลูกเมล่อน เพราะคิดว่าแตงโมเกาะสุกรยังขึ้นชื่อเรื่องความหวานกรอบอร่อย จึงคิดว่าสภาพดินน่าจะอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกเมล่อน จึงทดลองปลูกเมล่อนดังกล่าว ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี โดยปลูกโรงเรือนละ 220 ต้น ผลผลิตได้ประมาณ 300-500 กก. ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เพราะบางสายพันธุ์น้ำหนักลูกละ 2 กก.กว่า โดยวางแผนตัดผลผลิตขายทุกสัปดาห์ ราคาขายกก.ละ 150 บาท สร้างรายได้โรงเรือนละ 45,000 -70,000 บาท และเมล่อนสามารถให้ผลผลิตได้ทั้งปี แม้จะต้องต่อสู้กับสภาพฝนฟ้าที่ตกบ่อยในพื้นที่ภาคใต้ แต่พอปลูกในโรงเรือน ปรากฏว่าได้ผลผลิตดี ในอนาคตก็จะต่อยอดถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรในเกาะสุกร ได้ปลูกด้วยทั้งนาข้าวสีชมพู และเมล่อน หวังจะช่วยสร้างสีสันแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้กับเกาะสุกร ดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าชุมชนได้ตลอดทั้งปี ซึ่งข้าวสีชมพูเอง เป็นได้อาหาร และเป็นพืชประดับโชว์นักท่องเที่ยว อาจจะมีนาข้าวสีชมพูทั้งเกาะ โดยเฉพาะหน้าไฮซีซั่นในอนาคตข้างหน้า นอกจากมีแตงโมเกาะสุกรแล้ว ยังมีนาข้าวทั่วไป นาข้าวสีชมพูดึงดูดนักท่องเที่ยว และแหล่งผลิตเมล่อนรสชาติดีตลอดปีของประเทศด้วย
ด้านนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชม ชิม และซื้อเมล่อน ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รสชาติหวานฉ่ำ กรอบ อร่อย แตกต่างจากที่เคยซื้อจากแหล่งอื่น
สำหรับเกษตรกรที่สนใจ อยากศึกษาการปลูกข้าวสีชมพู และการปลูกเมล่อน สามารถติดต่อได้ ผ่านทางเฟสบุ๊ค “ มีตรังฟาร์ม เมล่อนบนเกาะสุกร” หรือติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 086 – 1156295
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: