กรุงเทพฯ – สงครามอิสราเอล-ฮามาส ขยายวงกว้าง แรงงานไทยขอกลับเพิ่มเป็น 3,226 คน กระทรวงต่างประเทศ เร่งเจรจาช่วยตัวประกันและให้เจรจายุติความรุนแรง ขณะที่อิสราเอลให้คำมั่น จะดูแลคนไทยให้ดีที่สุด
วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ความไม่สงบ และการช่วยเหลือแรงงานไทย ในอิสราเอล ว่า
สถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ได้รับแจ้งจากนายจ้างว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 6 คน รวมเป็น 18 คน ผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน ส่วนผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันยังคงอยู่ที่ 11 คนเท่าเดิม
ส่วนการจัดส่งแรงงานกลับประเทศนั้น สถานทูตฯ จะส่งแรงงงานไทยกลับ ครั้งที่ 1 วันที่ 11 ต.ค. 15 คน ประกอบด้วย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรักษาแล้วแต่สามารถเดินทางได้ 4 คน และแรงงานที่มาจากพื้นที่เสี่ยงภัยอีก 11 คน ด้วยเครื่องบินพาณิชย์ สายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LY 083 จะออกเดินทางจากเทลอาวิฟ เวลา 21.45 น วันที่ 11 ต.ค. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 10.35 น. วันที่ 12 ต.ค.นี้
หลังจากนั้น สถานทูตเทลอาวีฟ พยายามจัดเที่ยวบินเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าเที่ยวบินต่อไป จะเป็นวันที่ 18 ต.ค. จำนวน 80 ที่นั่ง และล่าสุด มีผู้แสดงความประสงค์จะขอขึ้นเครื่องบินอพยพกลับประเทศไทย จำนวน 3,226 คน
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลและสถานทูตเทลอาวีฟ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อพยพพลเรือน รวมทั้งแรงงานไทย ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดจากบริเวณไม่เกิน 4 กิโลเมตร รอบฉนวนกาซาหลายร้อยคนแล้ว และพยายามใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในการติดตามผู้สูญหายและที่ติดต่อไม่ได้
เจรจาเร่งช่วยตัวประกัน อิสราเอลให้คำมั่น ดูแลคนไทยอย่างดีที่สุด
อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยความคืบหน้า กรณีทูตไทยในมาเลเซีย ประสานกับฝ่ายปาเลสไตน์ ขอปล่อยตัวประกันไทย รวมถึงสถานทูตไทยในประเทศอื่น ๆ ประสานไปยังปาเลสไตน์ในประเทศอื่น ๆ ด้วย รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศในภูมิภาค ซึ่งแต่ละฝ่ายพยายามหาหนทางเจรจาเพื่อให้ยุติความรุนแรง
นอกจากนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทางโทรศัพท์กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล เมื่อค่ำวานนี้ (9 ต.ค.66) ซึ่งทางรัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้คำมั่นที่จะพยายามดูแลคนไทยและคนชาติอื่น ๆ อย่างดีที่สุด เช่นเดียวกับที่ดูแลคนอิสราเอล และแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
นายปานปรีย์ ยังย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด กับพี่น้องชาวไทยที่อยู่ในอิสราเอลให้ปลอดภัย ขอให้อิสราเอลทำทุกวิถีทางที่จะช่วยพี่น้องคนไทยปลอดภัย และให้เร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด อีกทั้งขอให้ทางอิสราเอลช่วยตรวจสอบ พร้อมยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการมาด้วย เพราะขณะนี้มีแต่ข้อมูลจากนายจ้าง
“ส่วนที่มีข่าวว่า ถ้าฮามาสถูกโจมตี ก็จะมีการสังหารหรือทำร้ายผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งเท่าที่หารือกับฝ่ายต่าง ๆ คิดว่ากลุ่มฮามาสไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง และฮามาสเองก็คงไม่อยากขยายความขัดแย้งหลายด้าน ก็ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไป” นางกาญจนา กล่าว
อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังคงมีความรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซา ยังมีการประทะกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยอิสราเอลพยายามเข้าไปยึดพื้นที่ มีการตัดน้ำตัดไฟ แต่ก่อนหน้านั้น ได้เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง รอบ ๆ ฉนวนกาซา ไปยังที่ปลอดภัย โดยอิสราเอลประกาศว่า สามารถกระชับพื้นที่ต่าง ๆ ได้แล้ว 15 เมือง จากทั้งหมด 24 เมือง และได้ระดมกองกำลังกองหนุนมากกว่า 3 แสนคน ซึ่งถือเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ มีการโจมตีขยายวง จากฉนวนกาซาไปยังกรุงเทลอาวีฟ และเมืองโดยรอบ รวมถึงที่นครเยรูซาเลม ถือเป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้าง มุ่งเป้าทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอล ในทางตรงกันข้ามอิสราเอลเอง ก็โจมตีเข้าไปในพื้นที่ของปาเลสไตน์ เช่นกัน
