วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟ ประจำปี 2566 เป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานตลอดทั้งวัน โดยกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมการออกร้านมัจฉากาชาดของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมที่ได้นำเอาสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้ใจบุญมาทำเป็นรางวัลให้ผู้ที่มาร่วมงานได้สนุกกับการตักไข่มัจฉาในราคาเพียง 20 บาท เพื่อลุ้นรางวัลใหญ่ ทั้งรถจักรยานยนต์ เตารีด หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ตลอดจนรถจักรยานและขนมขบเคี้ยว และเมื่อเหนื่อยก็สามารถมาเดินตลาดโบราณ ออเจ้า นครพนม ที่มีของกินเป็นเมนูอาหารพื้นถิ่นของแต่ละอำเภอ ที่แต่ละชนเผ่านำมาวางจำหน่ายให้ได้นั่งรับประทานชิว ๆ บนแคร่ไม้ไผ่ เช่น เมี่ยงตาสวดที่เป็นเมนูอาหารที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรมให้เป็นอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป ปี 2566 โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นจะอยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเมนูเพื่อสุขภาพมีสรรพคุณทางยา ด้วยมีพืชผักสมุนไพรในท้องถิ่นนับ 10 ชนิดเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร ที่ใครได้รับประทานเป็นต้องติดใจในรสชาติที่แสนอร่อยที่ชาวไทยแสกนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่างเมื่อมีการพบปะสังสรรค์ หรือถ้าใครเหนื่อยปวดเมื่อยตามร่างกาย ก็มีบริการนวดคลายเส้นกับสปาเกลือของชาวไทกวน หรือถ้าอยากได้ของฝากก็มีสินค้าดีสินค้าเด่น ผลิตภัณฑ์ของแต่ละชุมชนในจังหวัดนครนพมจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีบูธนิทรรศการให้ความรู้ของหน่วยงานราชการ ที่มาถ่ายทอดความรู้ในด้านต่าง ๆ ให้ทุกคน ทั้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำประกันสังคม การรับสมัครงาน และการให้บริการอื่น ๆ
โดยในเวลา 18.00 น. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 พร้อมด้วย นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ตลอดจนคณะหัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมกันทำพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งภายหลังการเปิดงานก็มีการจัดแสดงโชว์บินโดรนแปรอักษรเป็นเวลา 15 นาที ที่มีการบอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดนครพนม และหลังจากวันนี้จะมีการย้ายไปแสดงโชว์ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง จนถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 โดยมีการการันตีว่าจะเปลี่ยนภาพไปทุกวันที่มีการจัดแสดงเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ได้รับชม เป็นการสร้างสีสันและความประทับในในอีกหนึ่งมุมมอง นอกจากการไหลเรือไฟโชว์ในแต่ละวัน ซึ่งจะมีครบทั้ง 10 วัน คือระหว่างวันที่ 20 – 30 ตุลาคม 2566 โดยวันที่จะมีการไหลมากสุดคือวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา นอกจากนี้ผู้ที่มาร่วมงานยังสามารถร่วมกิจกรรมทำกระทงเรือไฟจากกาบกล้วยเพื่อสะเดาเคราะห์ต่อชะตาตามปีเกิด เสริมบุญบารมี และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บริเวณกิจกรรมเรือไฟโบราณ โดยเมื่อประกอบพิธีในวันออกพรรษาเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำไปลอยกลางแม่น้ำโขงให้ทุกคน
นอกจากนี้ในวันอื่น ๆ ก็ยังมีพิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนม พิธีการอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ขบวนแห่ปราสาทผึ้ง การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน การแสดงโชว์เรือกีบหนีบกันพายที่เป็นการว่ายน้ำในแม่น้ำโขงเพื่อแปรขบวนเป็นรูปต่าง ๆ การแสดงยุทธวิธีทางน้ำ การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดัง กิจกรรมพาข้าวแลง และการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับชมอีกด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- เด็กไทยเจ๋ง! วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง บุรีรัมย์ คว้าแชมป์หุ่นยนต์ยุวชนโลก คว้า 2 ทอง-โล่ชนะเลิศ
- ชัยภูมิ นทท.แห่สัมผัสทะเลหมอกน้ำค้างแข็งหลายพื้นที่แตะ 7 องศาคึกคัก!
- ขอนแก่นตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว “ประดับตกแต่งไฟสวนประตูเมืองขอนแก่น”ต้อนรับปีใหม่ 2568
- ขอนแก่น จัดงานสุดยอดมหกรรมเทศกาลอาหาร “ขอนแก่นแซ่บเวอร์ Soft power foodThailand”พบการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน และศิลปินชื่อดังระหว่างวันที่ 25-29…
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: