กรุงเทพฯ – คณะรัฐมนตรี ออกมาตรการจูงใจแรงงานไทยจากอิสราเอล กลับประเทศ เพิ่มเงินชดเชยเป็นคนละ 50,000 บาท พร้อมกู้เงินดอกเบี้ยต่ำคนละ 150,000 บาท ชำระหนี้เงินกู้ยืมหรือลงทุนประกอบอาชีพ ยื่นกู้ 31 ต.ค.66-30 มิ.ย.67
วันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังคงย้ำให้แรงงานไทยในอิสราเอลกลับประเทศ เนื่องจากการต่อสู้ทวีความเข้มข้นขึ้น มีการปฏิบัติการภาคพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ทำให้อันตรายเป็นอย่างมาก แต่การที่แรงงานเลือกที่จะไม่กลับมา เพราะติดปัญหาเรื่องเงิน
จึงจะมีมาตรการหลัก ๆ เพื่อรองรับ คือ
1.แรงงานที่กลับมาแล้ว แรงงานที่กำลังจะกลับมา และแรงงานที่จะกลับมาในอนาคต จะได้เงินชดเชยคนละ 50,000 บาท (จากเดิม 15,000 บาท)
2.เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว คนละไม่เกิน 150,000 บาท สำหรับแรงงานที่ไปกู้เงินมาใช้ไปทำงาน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย (อิสราเอล) และอนุมัติวงเงินงบประมาณ วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท จากงบฯ ร่ายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แรงงานนำไปชำระหนี้กู้ยืมสำหรับการไปทำงานที่อิสราเอล และ/หรือเพื่อลงทุนประกอบอาชีพ (ข้อมูลจาก กรมการจัดหางาน ณ เดือน ก.ย.66 มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในอิสราเอล 25,887 คน)
คุณสมบัติ ต้องเป็นผู้ที่ไปทำงานที่อิสราเอล อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้แล้ว ต้องไม่เกิน 60 ปี (ประมาณ 12,000 ราย)
โดยธนาคารออมสิน และและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท สินเชื่อต่อรายไม่เกิน 150,000 บาท ลูกค้ารับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาชำระเงินคืนงวดสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 งวดแรก
ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ (31 ต.ค.66-30 มิ.ย.67) หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการฯ
