ชัยภูมิ – จัดทำแผนความเหมาะสมในการก่อสร้างถนนเส้นทาง (แยกโรงต้ม) เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณทางแยกขนาดใหญ่ในภูมิภาคให้เดินหน้าในอนาคตในระยะยาวจากนี้ไปให้ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนยาวนานมากขึ้นไม่น้อยกว่า 30-50 ปี ในอนาคตขึ้นไป!
เมื่อเวลา 09.00 – 12.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดเวทีการประชุมเพื่อหารือในการกำหนดรูปแบบการพัฒนาโครงการเบื้องต้น (กลุ่มย่อย ครั้งที่ 1 ) แยกโรงต้ม พร้อมด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองชัยภูมิ โดยมี นายจักรกฤษณ์ บุญเรืองศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชัยภูมิ และคณะผู้ศึกษาเสนอรายละเอียดโครงการนำเสนอรูปแบบการพัฒนาการการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นและจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาจราจร บริเวณทางแยกขนาดใหญ่ในภูมิภาค ต่อที่เวทีรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้
โดย นายจักรกฤษณ์ บุญเรืองศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชัยภูมิ เปิดเผยว่าการเกิดเวทีครั้งนี้ เพื่อต้องการให้เกิดเวทีประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คนในพื้นที่ตามโครงการศึกษาทางแยกโรงต้ม (จุดตัดทางหลวงหมายเลข 201 กับทางหลวงหมายเลข 202 ชัยภูมิ-บัวใหญ่ ที่มีพื้นที่รอยต่อในหลายท้องที่ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ตำบลรอบเมือง ตำบลโพนทอง ในเขต อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
ซึ่งเวทีครั้งนี้ได้มีความคิดเห็นนำร่องเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งแรก เพื่อนำไปรวบรวมหาแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อในอนาคตในระยะยาวจากนี้ไปให้ได้ใช้ถนนเส้นทางแยกเกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนยาวนานมากขึ้นไม่น้อยกว่า 30-50 ปี ขึ้นไปในอนาคตครั้งนี้ด้วย
ซึ่งในขั้นตอนการศึกษาให้ครบในทุกด้านให้มีรูปแบบการก่อสร้าง การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในพื้นที่ ที่จะเป็นหลักสำคัญในการช่วยกันนำไปสู่การจัดทำแผนโครงการก่อสร้างพัฒนาทางแยกที่เหมาะสม เพื่อเดินหน้าโครงการโดยละเอียดอีกครั้งที่ 2 ในการเปิดเวทีกลุ่มย่อยครั้งที่ 2 อีกครั้งในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ปี 2567 ต่อไป ซึ่งในเวทีต่อไปอยากให้ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการแยกโรงต้มเพิ่มความปลอดภัย (ลดอุบัติเหตุ) ทางถนนทางแยกดังกล่าวในอนาคตให้มากขึ้น เข้ามามีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นให้คลอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมทุกฝ่ายทั้งหมด ได้นำไปสู่การเดินหน้าดำเนินโครงการในจุดดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนในพื้นที่และสังคมโดยรวมในระดับทุก ๆภูมิภาคในอนาคตต่อไป
