X

ศาลนัดสืบพยาน คดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ฟ้อง สหกรณ์การเกษตร ท่าอุเทน

ศาลนัดสืบพยาน คดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ฟ้อง สหกรณ์การเกษตร ท่าอุเทน ให้คืนเงินค่าโรงสีข้าวขนาด 40 ตัน พร้อมดอกเบี้ยกว่า 9 ล้านกว่าบาท

กรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เป็นโจทก์มอบอำนาจให้ผู้แทน ยื่นฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จังหวัดนครพนม  ฐานผิดสัญญา และเรียกเงิน 9,268,044 บาท หลังจากที่สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน ไม่สามารถหาเงินมาคืนค่าโรงสีข้าวขนาด 40 ตันที่ได้รับมอบจากกรมส่งเสริมสหกรณ์เมื่อปี 2544 โดยเป็นการรับการช่วยเหลือตามโครงการเงินกู้ของรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ตามแผนงานพัฒนาสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกร ในรูปแบบของโรงสีข้าวขนาด 40 ตัน มูลค่า 8,775,900 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จะต้องบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อนำไปเป็นเงินสนับสนุนอุปกรณ์การตลาด ให้กับสหกรณ์อื่น ๆ แต่หลังจากได้รับมอบโรงสีข้าวแล้ว สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทนไม่สามารถหาเงินบริจาคเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้ เนื่องจากกิจการโรงสีไม่ประสบผลสำเร็จ จนถูกกรมส่งเสริมสหกรณ์ฟ้องต่อศาลนครพนมเพื่อเรียกเงินคืนดังกล่าว

นาย ณ พล ใบเงินหนึ่งในทีมทนายความอาสา ของสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทนเปิดเผยว่าคดีนี้ตนรับอาสามาว่าความเพื่อช่วยแก้ต่างให้กับจำเลยร่วมกับทนายความอีกหลายคน โดยหลังตรวจคำให้การแล้วตนเห็นว่ายังมีหลายประเด็นที่ศาลไม่ได้ยกมาเป็นประเด็นพิพาท เช่นสัญญาที่ทำกันเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือเป็นสัญญาว่าจะให้หรือไม่ อีกทั้งตนยังทราบมาว่าเงินกู้ของรัฐบาลตามโครงการดังกล่าวเป็นเงินอุดหนุนให้เปล่าจากรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้สถาบันการเกษตรทั่วประเทศสามารถยืนอยู่อย่างเข้มแข็งได้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นข้อต่อสู้อีกว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์สามารถนำเงินของรัฐมาปล่อยกู้ให้กับสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคดีนี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 13 ถึง16 พฤศจิกายนนี้

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานคณะกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาเป็นพยานฝ่ายจำเลย ได้เปิดเผยก่อนการขึ้นให้การกับศาลในช่วงเช้า ว่าการที่ตนเดินทางมาเพื่อเป็นพยานให้จำเลยในคดีนี้นั้นเพราะตนเห็นว่าคดีนี้เป็นการดำเนินคดีที่ผิดพลาดทั้งระบบ เนื่องจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่าคดีนี้เป็นคดีปกครองก็ควรจะส่งให้อัยการปกครองที่ศาลปกครองจังหวัดอุดรธานีดำเนินการ ไม่ใช่ส่งให้อัยการจังหวัดนครพนม เนื่องจากลักษณะสัญญาเป็นสัญญาทางปกครอง ต้องส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาคดีแทน อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของสัญญาที่ทำกันเข้าลักษณะเป็นสัญญาว่าจะให้เนื่องจากตกลงกันว่าเป็นการบริจาคคืนซึ่งเป็นสัญญาจะให้ซึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ไม่มีสัญญาจะให้ มีแต่สัญญาให้การจะให้หรือไม่ให้เป็นเรื่องของเจตนาฝ่ายเดียวไม่ใช่สองฝ่าย ดังนั้นสัญญาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการกระทำที่ฉ้อฉล การให้กู้ไม่ได้ให้เป็นตัวเงินแต่ให้เป็นโรงสีข้าว เมื่อเป็นโรงสี จะต้องจดทะเบียนเพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่มีการจดทะเบียนก็เลยบังคับกันไม่ได้เรียกคืนก็ไม่ได้และถ้าจะขายก็ต้องถามนายทะเบียนสหกรณ์ก่อน ซึ่งตรงนี้มันเป็นการฉ้อฉลเป็นการใช้อำนาจบีบบังคับให้สหกรณ์ต่าง ๆ ทำบริจาค ถ้าคดีนี้ถูกส่งไปศาลปกครองและศาลปกครองวินิจฉัยว่าเป็นคดีปกครองตนมั่นใจว่าสหกรณ์จะชนะคดีแน่นอน

นายเรืองสุข จิตมาตย์ ทนายความของจำเลยคือสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน อีกคนหนึ่งเปิดเผยว่า คดีนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 โดยขณะนั้นอยู่ระหว่างการเปลี่ยนถ่ายคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ท่าอุเทน  โดยเบื้องต้นมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันระหว่างโจทก์กับจำเลยมาระดับหนึ่งแล้ว และหลังจากที่สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทนได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ตนจึงเข้ามารับเป็นทนายในคดีนี้ ซึ่งตนเห็นว่าในคดีนี้มีแง่มุมและข้อต่อสู้หลายประการที่จำเลยสามารถต่อสู้ได้ โดยหลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันกับคณะกรรมการบริหารสหกรณ์แล้ว มีมติว่าจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยจะไม่มีการยอมชำระเงินคืนอย่างเด็ดขาด ซึ่งหลังจากตนเข้ามารับหน้าที่ก็จะตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ อย่างละเอียดทั้งตัวสัญญาเงินกู้ และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในการรับมอบโรงสีข้าวมาดำเนินการ เนื่องจากตนตรวจสอบพบว่ายังมีอีกหลายสหกรณ์ที่ได้รับมอบอุปกรณ์การตลาดเป็นโรงสีและไม่สามารถดำเนินการให้เกิดรายได้เพื่อนำเงินกำไรมาส่งเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้ จนถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่รับมอบจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่ได้ใช้งานเลยและหลายแห่งพยายามจะขอส่งคืนโรงสีข้าวให้แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์ แต่ไม่เป็นผล จนส่งผลให้สหกรณ์แต่ละแห่งต้องเป็นหนี้เป็นสิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากได้โรงสีแต่ก็จำใจที่ถูกยัดเยียดเอามาให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการโรงสีให้เกิดผลกำไรเพื่อนำเงินมาส่งคืนเข้ากองทุนฯ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดและข้อพิรุธอีกเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นข้อมูลในสำนวนคดี ที่ตนจะนำมาต่อสู้ในชั้นพิจารณาคดี  ต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน