อดีต ส.ว.หนุนตั้งพิพิธภัณฑ์ศรีเทพ-ทวงคืนโบราณวัตถุ ชี้เป็นความสมบูรณ์หลังเป็นมรดกโลก ติงกรมศิลป์คิดให้ไกล
วันที่ 8 ธันวาคม นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงกรณีจังหวัดเพชรบูรณ์ผลักดันให้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติศรีเทพ และการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุเมืองโบราณศรีเทพ ที่กระจายอยู่ในพิพิธภัณฑ์อื่นๆภายในประเทศ รวมทั้งโบราณวัตถุเมืองศรีเทพที่อยู่ในต่างประเทศว่า ค่อนข้างจะเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่ศรีเทพ โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับชาติที่เกี่ยวกับเมืองโบราณศรีเทพมรดกโลกโดยเฉพาะ ซึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องมีพิพิธภัณฑ์ฯ ระดับชาติดังกล่าว เพราะเราได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกแล้ว เมื่อทุกคนมาที่เพชรบูรณ์ มาดูเรื่องราวของมรดกโลกแล้ว ควรจะเห็นหรือรับรู้ถึงสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองโบราณศรีเทพมรดกโลกแห่งนี้ ควรจะมีอะไรบ้าง
นายดิเรกกล่าวว่า ฉะนั้นถ้าหากว่าเรามีทั้งโบราณถาวรวัตถุและโบราณวัตถุ รวบรวมอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ก็จะทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบมาก เพราะฉะนั้นพูดกันตรงๆก็คือเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่ศรีเทพจะต้องมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติอยู่ในมรดกโลก หากผู้คนมาเที่ยวชมเมืองมรดกโลกแล้ว มาดูแต่ปรางค์เจดีย์หรือตัวอาคารต่าง ๆ ทำให้เหมือนไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่ โดยเฉพาะพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพมีความกว้างใหญ่มาก ต้องอาศัยรถรางหรือการเดินทางไปดูโบราณสถานหลัก ๆ ที่สำคัญ ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างไกลกันพอสมควร ปัจจุบันยังไม่มีจุดศูนย์กลางหรือศูนย์รวมที่จะชมโบราณวัตถุเก่าแก่อายุเป็นพัน ๆ ปี เพราะฉะนั้นจึงเห็นด้วยควรจะต้องมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติเกิดขึ้นที่ศรีเทพ
“กรมศิลปากรจะต้องคิดให้ไกล ๆ แล้วก็วางแผนให้ดี ๆ ต้องมองไปข้างหน้าให้ถึงอนาคตภายภาคหน้าด้วย เพราะจะเป็นนำเมืองโบราณศรีเทพไปสู่ความเป็นมรดกโลกที่สมบูรณ์แบบ โดยใคร ๆ มีโอกาสได้มาเดินทางมาเที่ยวชม ก็จะเกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ”อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวย้ำ
อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ส่วนประเด็นทวงคืนโบราณวัตถุศรีเทพ อันนี้ยิ่งจำเป็นเพราะเมื่อเรามีพิพิธภัณฑ์แล้ว การทวงคืนโบราณวัตถุอะไรต่าง ๆของเมืองโบราณศรีเทพ ให้กลับมาอยู่ที่ควรอยู่ในแหล่งที่เป็นต้นกำเนิด จะทำให้ความเป็นมรดกโลกยิ่งมีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยที่ใคร ๆ มาเห็นอาจต้องร้องโอ้โห! เนื่องจากมีรายละเอียดและมีความสมบูรณ์จนน่าภาคภูมิใจ ที่สำคัญก็คือเมืองโบราณศรีเทพในประวัติศาสตร์ มีหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่า มีความเจริญรุ่งเรืองมาถึง 2 ยุคสมัย ได้แก่ ยุคทวาราวดีซึ่งทุกคนยอมรับแล้วว่า ตอนนี้ศรีเทพเก่าแก่ที่สุดในยุคทวาราวดี
นายดิเรกกล่าวว่า ในยุคสมัยที่ 2 ได้แก่ยุคที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แผ่อิทธิพลเข้ามาที่ศรีเทพ มีประวัติเกี่ยวพันไปถึงพ่อขุนผาเมือง ซึ่งศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาถึง 2 ยุคสมัย ฉะนั้นเรื่องราวจึงควรถูกบันทึกอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ระดับชาติที่ศรีเทพมรดกโลก โดยเฉพาะหากรายละเอียดมีความสมบูรณ์จริง ๆ ทุกคนที่มาชื่นชมและมาศึกษาค้นคว้า ก็จะมีความรู้สึกประทับใจและพึงพอใจกลับไป ไม่ใช่เดินทางไกลๆพอมาแล้ว แต่ไม่ได้เห็นของโบราณเก่าแก่มีอยู่เลย ฉะนั้นจากคำถามเห็นด้วยกับการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติศรีเทพขึ้น และการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุเมืองศรีเทพนั้น ตนเห็นด้วยทั้ง 2 ประเด็น ซึ่งไม่ใช่แค่ 100% แต่เกินร้อย
“ส่วนในเรื่องของการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุในต่างประเทศก็ดี หรือที่กระจัดกระจายอยู่ตามพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ นั้นคงต้องทำต่อไป โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ครอบครองโบราณวัตถุของเรา เมื่อรู้ว่าเป็นของเราเป็นของศรีเทพหรือของประเทศไทยเชื่อว่า เขาก็คงต้องคืนให้ เพียงแต่ต้องมีความสัมพันธ์ทางการทูต และพูดคุยกับเขาให้ดี เชื่อว่าสุดท้ายก็คงต้องคืนให้เรา”นายดิเรกกล่าว
อดีตสมาชิกวุฒิสภากล่าวอีกว่า ยิ่งเห็นว่าเรามีพิพิธภัณฑ์แล้ว เมื่อได้รับคืนแล้วโบราณวัตถุเหล่านั้น ได้กลับมาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดด้วยแล้ว เขายิ่งยินดีจะคืนให้ใหญ่เลย เพราะเขาก็สามารถมาดูมาเห็น แต่หากคืนแล้วไปอยู่ที่อื่น เขาก็อาจมีความรู้สึกไม่อยากให้ เพราะเหมือนไปอยู่ในส่วนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวพันกับศรีเทพมรดกโลก ฉะนั้นการทวงคืนโบราณวัตถุศรีเทพเป็นอีกเรื่องที่ต้องทำ โดยสอดคล้องกับการตั้งพิพิธภัณฑ์ฯ ศรีเทพ
“หากโบราณวัตถุเมืองศรีเทพได้รับคืนโดยเฉพาะจากต่างประเทศ จะมีประโยชน์มากเพราะจะทำให้สามารถศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเมืองศรีเทพได้มากขึ้น ยิ่งมีการรวบรวมโบราณวัตถุมาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ฯศรีเทพ ยิ่งทำให้เกิดการกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าวิจัยเพิ่มมากขึ้นด้วย”นายดิเรกกล่าว
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดกรมศิลปากรที่อ้างการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ระดับชาติที่ศรีเทพมีขั้นตอนค่อนข้างยากว่า การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่เราตั้งใจจะให้เกิดพิพิธภัณฑ์ขึ้นหรือไม่เท่านั้น ศูนย์จัดแสดงหรือศูนย์เรียนรู้ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องเอกสารมากกว่า การจัดเก็บโบราณวัตถุ แต่ถามว่าหากเราได้ของเก่าเหล่านี้คืนมาจะเอาไปไว้ที่ไหน
“ในเมื่ออุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ตรงนี้ และโบราณวัตถุดั้งเดิมก็อยู่ตรงนี้ เมื่อได้รับคืนมาแล้ว นำไปเก็บไว้สถานที่อื่นจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นควรอาศัยโอกาสและช่วงเวลานี้ตั้งพิพิธภัณฑ์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และเท่าที่ทราบโบราณวัตถุเมืองศรีเทพมีจำนวนมากมาย เมื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ฯศรีเทพแล้ว ก็ยังอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร ไม่ใช่ไปให้หน่วยงานอื่นมาดูแล”นายดิเรกกล่าวและว่า ส่วนข้ออ้างอื่นๆคิดว่าปลีกย่อยแก้ปัญหาได้ ในด้านพื้นที่ดินในอุทยานฯมีความกว้างใหญ่มาก ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ เชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ฯศรีเทพเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ส่วนปัญหาเจ้าหน้าที่ดูแลไม่พอเพียง ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นหลักๆคือ เราต้องการสร้างมรดกโลกให้สมบูรณ์แบบจริงหรือไม่
นายดิเรกกล่าวว่า ทุกวันนี้ศรีเทพเป็นมรดกโลกแล้ว มีผู้คนและนักท้องเที่ยวโดยช่วงแรก ๆ มาวันละเป็นหมื่นคน ปัจจุบันก็ไม่น้อยกว่า 5 พันคนต่อวัน เพราะฉะนั้นหากศรีเทพมรดกโลกมีความสมบูรณ์แบบ จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ใช่จะน้อยลง ในทางตรงข้ามจำนวนนักท่องเที่ยวมีแต่จะเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น แม้แต่ชาวต่างประเทศก็อยากมาชื่นชม อยากมาสัมผัสศรีเทพมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่จังหวัดเพชรบูรณ์ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนใน 2 ประเด็นนี้ ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องและมีความเหมาะสมถูกที่ถูกเวลา เพราะเวลานี้ศรีเทพมรดกโลกกำลังเป็นที่ฮือฮา ถ้าไม่ดำเนินการในช่วงนี้ ก็ไม่มีโอกาสเหมาะๆแบบนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อทางยูเนสโกประกาศ ให้ศรีเทพเป็นมรดกโลกแล้ว การติดตามทวงคืนโบราณวัตถุต่าง ๆ ก็ควรเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โบราณวัตถุเมืองศรีเทพรวมทั้งโบราณวัตถุอื่นๆของไทย ที่อยู่ในต่างแดนให้กลับคืนมา
“ขณะเดียวกันก็ถึงเวลาแล้วที่จะมีพิพิธภัณฑ์ฯศรีเทพ เพื่อให้คนทั้งโลกได้ดูกัน ไม่ใช่แค่คนเพชรบูรณ์หรือคนในประเทศเท่านั้น แต่เป็นคนทั้งโลก เพราะในความเป็นเมืองโบราณศรีเทพมรดกโลกทางวัฒนธรรมแล้ว ใคร ๆ ก็อยากมาดูมาสัมผัส เพราะฉะนั้นช่วงนี้การที่จังหวัดเพชรบูรณ์พยายามขับเคลื่อนผลักดัน คงต้องชื่นชมที่มองการณ์ไกลและคิดที่ทำในสิ่งเหล่านี้”นายดิเรกกล่าวทิ้งท้าย
