ป้าสุดทนแจ้งจับหลานสาวประเภทสอง ขโมยปลาร้า ขายแลกเหล้าขาว ขณะหลานโต้เป็นปลาร้าที่ตนหามากับมือ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 15.30 น ร.ต.อ.วิชาญ โสมศรี รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม ได้รับแจ้งเหตุ มีการลักทรัพย์ ที่หมู่บ้านนาสมดีหมู่ 9 ตำบลอาจสามารถอำเภอเมืองจังหวัดนครพนม จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่เกิดเหตุได้พบกับ นางขนิษฐาไชยเพชร อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่พร้อมผู้สื่อข่าวฟังว่า หัวขโมยก็คือหลานชายซึ่งเป็นสาวประเภทสองชื่อ นายกฤษฎา ไชยเพชร อายุ 30 ปี อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ได้ขโมยปลาร้า พร้อมข้าวสาร ภายในบ้านไปขาย ซึ่งปลาร้าที่ขโมยไปมีน้ำหนักราว ๆ 3 กิโล พร้อมข้าวสารอีก 3 กิโล ตนไม่พอใจจึงได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม มารับตัวไปดำเนินคดี เพื่อเอาผิดกับหลานสาวประเภทสอง เพราะทนพฤติกรรมต่อไปไม่ไหวแล้ว เนื่องจาก เมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว ตนเคยส่งหลานคนนี้ ไปบำบัดยาเสพติด พอกลับออกมาก็ขโมยสิ่งของภายในครอบครัวพร้อมดื่มเหล้าเอะอะโวยวาย ตนกลัวไม่ได้รับความปลอดภัยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการดังกล่าว โดยอยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวหลานตัวแสบไปกักขังเพื่อบำบัดให้เลิกยาเสพติด เนื่องจากมักจะขโมยเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปขายอยู่เนือง ๆ พอได้เงินมาก็เอาไปซื้อยามาเสพ แถมยังซื้อเหล้าขาวมาดื่มเป็นประจำพอเมาได้ที่ก็ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย
ด้านนายกฤษฎาไชยเพชร สาวประเภทสอง ก็ได้ให้การว่าตนไม่ได้ขโมย ปลาร้าที่ตนเอาไปขายเป็นปลาร้า ที่ได้จากการที่ตนเองไปจับปลามาให้ป้า ทำปลาร้าไว้ ภายในบ้านซึ่งมีอยู่หลายไห โดยปกติตนจะไปลงสะดุ้งตามหนองน้ำต่าง ๆ แล้วนำปลาที่ได้มาให้ป้าทำปลาร้าเก็บไว้กินได้ทั้งปี การที่ป้าแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับตนในวันนี้ เป็นเพราะป้าไม่พอใจที่ตนดื่มเหล้า เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด โดยปกติ ตนทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ส่วน เรื่องที่กล่าวหาว่าตนเสพยาเสพติดนั้น ตนไดัเลิกเสพไปตั้งนานแล้วเหลือเพียงแต่กินเหล้าขาวเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น
หลังจากสอบสวนทั้งสองฝ่ายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย สามารถพูดจาปรับความเข้าใจกันได้ระหว่างป้ากับหลาน จึงว่ากล่าวตักเตือนทั้งสองฝ่ายให้ปรับความเข้าใจกัน โดยไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้ใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: