กรุงเทพฯ : รวบนักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่ ตุ๋นนักธุรกิจอัญมณี สูญเงินไปกว่า 22 ล้านบาท มิหนำซ้ำยังมีการหลอกระดมเงินลงทุนรถไฟความเร็วสูง ให้กับนักการเมือง
กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายรวีโรจน์ฯ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ. 794/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” สามารถจับกุมได้ที่ห้องพักภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
โดยสืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2558 นายรวีโรจน์ (ผู้ต้องหา) ได้ร่วมกับพวก หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณี ให้มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีแบบครบวงจร โดยผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าตนเองเป็นกลุ่มนายทุนเจ้าของบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง มีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยอ้างว่าจะให้เงินสนับสนุนกับผู้เสียหายเป็นเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท หากผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ก่อนที่จะได้รับเงินสนับสนุนจำนวนดังกล่าว ผู้เสียหายจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการนำเงินเข้ามาในประเทศไทยให้กับกลุ่มผู้ต้องหาก่อน ซึ่งในห้วงนั้นผู้ต้องหาได้มีการปลอมหนังสือค้ำประกันของธนาคาร HSBC (The Hongkong and Shanghai Bank) สาขานิวยอร์ก นำมาแสดงให้ผู้เสียหายเห็นว่า กลุ่มผู้ต้องหามีเงิน ในบัญชีอยู่จริง (ปรากฏยอดเงินเป็นจำนวน 8,775,105,000 ดอลล่าร์) ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และโอนเงินค่าดำเนินการต่าง ๆ ไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,580,000 บาท ไปให้กับกลุ่มผู้ต้องหา กระทั่งถึงกำหนดนัดจ่ายเงินทุนสนับสนุน ผู้ต้องหากลับไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ พร้อมกับบ่ายเบี่ยง และหลบหนีไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพวกตามกฎหมาย
จากการสืบสวนของตำรวจสอบสวนกลาง ทำให้ทราบว่า เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2560 นายรวีโรจน์ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และภายหลังได้ถูกทางการ ประเทศแองโกลาจับกุมพร้อมกับพวกในนามตัวแทนบริษัทฯ (เป็นบริษัทฯ ประกอบธุรกิจกิจการค้าขายสินค้าทางการเกษตร, ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์) โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า “ปลอมแปลงเอกสารเช็คและฟอกเงิน” เนื่องจากบริษัทฯ ของผู้ต้องหาได้มีการเซ็นสัญญาลงทุนกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา และได้มีการนำเช็คจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ เข้าเปิดบัญชีในนามของบริษัทฯ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา เพื่อเป็นเงินลงทุนในประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเตรียมเข้าเซ็นสัญญากับรัฐบาลของทางแองโกลา แต่ภายหลังรัฐบาลของประเทศเเองโกลาตรวจพบการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ต้องหา
ซึ่งต่อมาเมื่อนายรวีโรจน์ (ผู้ต้องหา) พ้นโทษจำคุกที่ประเทศแองโกลาแล้ว ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยได้กลับมาก่อเหตุหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิมอีก ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาได้มีการหลอกระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนในธุรกิจรถไฟความเร็วสูง ที่ผู้ต้องหาจะสร้างขึ้นในประเทศไทย โดยผู้ที่สามารถระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาได้ จะได้รับผลตอบเเทนเป็นเงินจำนวน 5–10 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการนัดกลุ่มนักการเมืองพรรคดังพรรคหนึ่งมาประชุมหารือที่โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทราด้วย โดยผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิม โดยอ้างว่าตนเองมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก หากกลุ่มนักการเมืองให้ความช่วยเหลือ ตัวผู้ต้องหาจะนำเงินเข้ามาช่วยสนับสนุนในการลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเกิดความศรัทธากับพรรคการเมืองดังกล่าวมากขึ้น
ข่าวน่าสนใจ:
- รมว.ท่องเที่ยว ชวนลอยกระทง "สีสันแห่งสายน้ำฯ" สร้างสรรค์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- นราธิวาส-สุดทน! พ่อค้าแม่ค้าร้อง ส.ส.นำเรื่องเข้าสภาฯ หลัง "บอสตลาดเก็นติ้ง" จัดหนัก! ปรับราคาเช่า-ต่อสัญญาสูงลิ่ว
- วธ.จัด“ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” น้อง“หมูเด้ง” Thai Cuteness ร่วมสร้างสีสัน
- ททท. จัดงานใหญ่ "วิจิตรเจ้าพระยา 2024" สวยงามตระการตา กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปีนี้
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำกำลังเข้า ตรวจสอบที่โรงเเรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยเมื่อพบนายรวีโรจน์ จึงได้เข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: