หลวงไข่ อดีตพระพิการ ปีนหอนาฬิกาใจกลางเมืองตรัง กำลังตำรวจกว่า 10 นาย เข้าเจรจา ขณะที่เจ้าตัวยื่นข้อเสนอขอพบสื่อมวลชน ก่อนยอมลงมาแต่โดยดี เปิดใจทำเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ตำรวจจับกุมคนร้ายและรื้อคดี เมื่อปี 2551 ที่ถูกอดีตตำรวจนอกราชการพยายามฆ่าเพื่อชิงทรัพย์พระสมเด็จวัดระฆังมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ผ่านมาแล้วกว่า 5 เดือน หลังแจ้งความใหม่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า หรือเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ
เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันนี้ 9 ม.ค.67 ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุมีชายปืนขึ้นไปอยู่บนหอนาฬิกา จ.ตรัง บริเวณสี่แยกไฟแดงหอนาฬิกาใจกลางเมืองตรัง (เขตเทศบาลนครตรัง) หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ชุดอินทรีย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ 20 เข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
เมื่อไปถึงพบชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมาต่างตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีข้าราชการต่างออกมาดูเหตุการณ์ ภายในหอนาฬิกาพบชายรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายฌานิตย์ ฤทธิฉิม หรือหลวงไข่ อายุ 52 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นชายขาพิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าหนังหุ้มส้น ปืนขึ้นไปนั่งอยู่บนคานปูนของหอนาฬิกา ก่อนที่เจ้าหน้าที่พยายามจะเกลี่ยกล่อมให้ลงมาพูดคุยด้านล่าง แต่เจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่าขอพบสื่อมวลชน เหตุผลที่ขึ้นมาก็เพราะอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับคดีความทางกฎหมายที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงนายฌานิตย์ จึงยอมปีนลงมาด้านล่างแต่โดยดี โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที
เมื่อนายฌานิตย์ ลงมาด้านล่าง จึงได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า มาในวันนี้เพื่ออยากจะเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตนได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.66 หรือกว่า 5 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตตำรวจนอกราชการ จำนวน 2 นาย พร้อมพวก ในข้อหาพยายามฆ่าชิงทรัพย์ คนพิการ คือพระสมเด็จวัดระฆัง ของตนซึ่งมีราคาหลาย 10 ล้านบาท ที่ตนตั้งใจจะถวายองค์พระเทพ เพื่อเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน และรื้อคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและพยายามฆ่า ปิดคดีหมิ่นประมาท เหตุเกิดที่วัดทุ่งนา หมู่ 2 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง เมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค.2551 ขณะที่ตนเองบวชเป็นพระภิกษุอยู่ และเหตุการณ์ดังกล่าวเคยปรากฏเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- บุรีรัมย์ จัดนิทรรศการศิลปะ รักษ์โลก รักเรา จุดพลังเยาวชน ประกวดวาดภาพชิงรางวัล 60,000 บาท (มีคลิป)
- นราธิวาส-สุดทน! พ่อค้าแม่ค้าร้อง ส.ส.นำเรื่องเข้าสภาฯ หลัง "บอสตลาดเก็นติ้ง" จัดหนัก! ปรับราคาเช่า-ต่อสัญญาสูงลิ่ว
- “น้องกิ๊ฟ น้องแก้ม สาวน้อยคู่แฝดนัยน์ตาสีฟ้า น้องพบชีวิตใหม่แล้ว”
- ตรัง ทดลองล้อมคอกหญ้าทะเล เร่งหาทางออกฟื้นฟูหญ้าทะเล ภาระกิจด่วนทำแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่กับความอยู่รอดของพะยูน
แต่หลังจากตนแจ้งความให้พยานหลักฐานไปหมดแล้ว แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ยอมเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา วันนี้จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อคดีนี้และนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย วันนี้ไม่มีที่พึ่งแล้วนอกจากสื่อมวลชน ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยปีนเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่ใกล้บ้าน เพื่อขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน การที่มาทำวันนี้ก็ขอโทษชาว จ.ตรังทุกคนด้วย แต่ทางพนักงานสอบสวนคดีนี้ทำงานตรวจไปตรงมาเหตุการณ์นี้คงจะไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวภายหลังจากเกิดเหตุเมื่อปี 2551 นั้น ทางอัยการขณะนั้นสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายฌานิตย์ ได้มาแจ้งความใหม่อีกครั้งเพื่อให้รื้อคดีใหม่ ในเดือน ก.ย.66 เนื่องจากยังไม่หมดอายุความ แต่ระยะเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วกว่า 5 เดือนก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าหรือเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำแต่อย่างใดจึงมาแสดงออกในลักษณะนี้ ภายหลังจากนายฌานิตย์ ลงมาด้านล่างและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก็ได้เดินขึ้นรถจักรยานยนต์กลับพร้อมกับภรรยาแต่โดยดี.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: