เชียงราย-ดอยช้างแหล่งผลิตกาแฟ เร่งแก้ไขปัญหาลำธารน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น
จากกรณีที่ดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นแหล่งผลิตกาแฟครัวชั้น 1 ของประเทศไทย และมีชื่อเสียดังไปทั่วประเทศ ทำให้การผลิตได้เพิ่มปริมาณมากขึ้นเพื่อส่งออกไปตลาดทั้งไทย และต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้มีรงงานขนาดกลาง และรายย่อยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โรงงานที่เกิดขึ้นใหม่ มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำธาร ทำให้ลำธารแหล่งน้ำธรรมชาติมีสีดำ น้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน อีกทั้งทำให้ระบบนิเวศเสีย สัตว์ในน้ำเริ่มลดน้อยลง ผ่านไปหลายปีไม่ได้รับการตรวจสอบโรงงานแหล่งผลิตกาแฟครัว ทำให้ชาวบ้านสุดทนกับปัญหา จึงแชร์ลงโซลเชียล เรียกร้องหน่วยงานเข้าแก้ไขปัญหา
วันที่ 23 ม.ค.2567 นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย พร้อมนายปกรณ์เกียรติ พิสัยเลิศ นายก อ.บ.ต สนง.ทรัพย์กรรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงราย สำนักงานจัดการทรัพย์กรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย เจ้าหน้าที่ประมง อ.แม่สรวย สสอ.แม่สรวย ศูนย์เกษตรที่สูง และผู้ประกอบการรายใหญ่-ขนาดกลาง-รายย่อย เข้าร่วมประชุมหารือ หาทางออกร่วมชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาโรงงานผลิตกาแฟปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำธาร ซึ่งทราบว่า เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจโรงงานผลิดกาแฟมีราว 30 แห่ง ซึ่งมาปีนี้ 2567 พบว่ามีการขยายโรงงานเพิ่มเป็นราว 60 แห่ง ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ผุดกันขึ้นมาจำนวนมาก
ซึ่งทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าแห่งผลิตรายใหญ่มีการบำบัดน้ำเสียได้ดีมาก น้ำสามารถกลับนำมาใช้ได้ สามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ และนำมาใช้ชำระภายในโรงงานได้ ที่เกิดปัญหาคือโรงงานที่เกิดขึ้นใหม่ขนาดกลาง และขนาดเล็ก บางโรงงานยังขาดความรับผิดชอบ ปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำธาร ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น แต่ก็มีบางโรงงานที่ได้ทำการวางท่อเชื่อมต่อโครงการของ อบต.วาวี ที่กำลังจะก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย จำนวน 6 บ่อ มีความกว้างบ่าละประมาณ 1 ไร่
นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย กล่าวว่า หลังได้มีการนัดการประชุมหารือร่วมกับชาวบ้านวันนี้ ถือว่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหา และหน่วยงานเตรียมพร้อมที่จะทำการแก้ไขร่วม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน ชาวบ้านเคยไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมและได้มีการแก้ไขปัญหา โดยระยะเวลานานทำให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งวันนี้ได้มอบหมายให้ สนง.ทรัพย์กรรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงราย ร่วมกับ อบต.วาวี ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำธาร ว่ามีสารสิ่งเจือปนอะไร หรือไม่ ซึ่งจะได้เข้ามาตรวจในวันที่ 25 มค.นี้ หลังจากการตรวจออกมาตามผล ก็จะเร่งแก้ไขปัญหาให้ตรงกับหน่วยงาน และจะให้ผู้ประกอบกลางทำบ่อบำบันให้เชื่อมต่อกับโครงการของ อบต.ทำบ่อบำบัดน้ำเสีย 6 บ่อ บ่อละ 1 ไร ที่กำลังเตรียมการ ส่วนรายเล็ก สั่งการให้มีบ่อบำบัดทุกโรงงาน ในอนาคตทางป่าไม่ได้ยื่นหนังสือตามมาตร 19 เพื่อให้อำนาจ สำนักงานจัดการทรัพย์กรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย ดูแล จึงจะสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ให้โรงงานผลิตต้องมีบ่อบำบัด หากแจ้งไปแล้วภายใน 14 วัน หากไม่มีการแก้ไขจะต้องถูกดำเนินคดี พร้อมกับให้ไปยืนขออนุญาตทำการก่อสร้างบ่อบำบัด ในการหารือครั้งนี้ ถือเป็นที่หน้าพอใจสำหรับชาวบ้าน ที่มีหน่วยงานเข้ามาดูแล แต่ก็ต้องรอดูอีกที่ว่าผู้ประกอบการจะมีความจริงจังหรือไม่ ในการแก้ไขปัญหา
