X

ตำรวจปล่อยตัว ลุงหลอนทุบพระประธาน หลังชาวบ้านไม่ติดใจ

นครพนม : ตำรวจปล่อยตัว ลุงหลอนทุบพระประธาน หลังชาวบ้านไม่ติดใจ ขณะลุงอ้างขาดสติมีสิ่งที่ตามองไม่เห็นคอยสั่งการให้ทำ

ความคืบหน้า กรณีที่นายหนูพันธ์ ลัดดา  อายุ 62 ปี ก่อเหตุทุบทำลายพระประธานในศาลาการเปรียญ เสียหายรวม 4 องค์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.67 โดย เกิดเหตุเวลา ประมาณ 15.30 น.นายหนูพันธ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกวัดได้บุกเข้ามาภายในศาลาการเปรียญ   ได้คว้าแจกันไม้พยูง ยาวประมาณ  1 เมตร ที่วางอยู่ใต้ฐานพระประธาน ฟาดทุบทำลายพระโมคลานะและพระสารีบุตร ที่ประดิษฐานหน้าองค์พระประธาน 2 องค์ ขาขาดเศียรหัก ก่อนทุบพระประธานองค์รองหน้าตักกว้า 1 เมตรสูง 1 เมตรจนเกศหักหลัง จากนั้นได้ปีนขึ้นโต๊ะบูชาทุบทำลายพระประธานองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.5 เมตร จนเกศหักอีกเช่นกัน ขณะนั้น หลวงพ่อวิชัย เขวิโย พระลูกวัดที่กวาดลานวัดอยู่ได้ยินเสียงดัง จึงรีบวิ่งไปบอกเจ้าอาวาสเพื่อจะมาช่วยกันจับตัวคนร้ายซึ่งทีแรกนึกว่าจะมาลักขโมยพระพุทธรูป ขณะจะเข้าห้ามปรามนายหนูพันธ์ กลับคว้าแจกันดังกล่าววิ่งไล่เจ้าอาวาสพระลูกวัดอีก  2 รูป พร้อมตะโกนว่าตัวเองเป็นยักษ์ อย่าเข้ามาไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย โดย นายหนูพันธ์ ยังบอกด้วยว่าตนเองเป็นท้าวเวสสุวรรณ ต้องการทำลายพระให้สิ้นซาก   ด้วยความกลัวจึงต่างพากันวิ่งหนีขณะที่นายหนูพันธ์วิ่งไล่ตาม  จนต้องปีนกำแพงวัดหนีไปคนละทิศละทาง  ก่อนไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและตำรวจสายตรวจประจำตำบลมาตรวจสอบ พร้อมควบคุมนายหนูพันธ์ ผู้ก่อเหตุไปสอบสวนที่ สภ.เมืองนครพนม โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้รอบวัดเป็นหลักฐาน แต่ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวนายหนูพันธ์ออกมาใช้ชีวิตที่บ้านอย่างปกติ เนื่องจากชาวบ้านและพระไม่ติดใจเอาความเพราะนายหนูพันธุ์ ไม่มีครอบครัว อาศัยอยู่กับพี่ชายตามลำพัง

ล่าสุดวันนี้ 24 ม.ค.67 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดพบมหาสมศักดิ์ เจ้าอาวาส  ได้เล่าถึงเหตุจูงใจว่า น่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวมีอาการหลอนทางจิต แต่ไม่เคยได้รับการรักษา ส่วนสาเหตุที่แจ้งจับเพราะครั้งนี้หนักสุด ๆ ทำลายทรัพย์สินของวัด แจ้งจับแต่ไม่อยากจะเอาเรื่องจึงแจ้งบันทึกประจำวันไว้ก่อนและทำทันฑ์บนไว้ ว่าจะไม่ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก ก่อนหน้านี้นายหนูพันธ์เคยบุกเข้ามาที่กุฎิพระลูกวัด และก่อเหตุทุบทำลายพระบูชาและเตนท์พังมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวการอาเพศไหม เพราะมีคนทักว่า สร้างกุฏิอยู่ระหว่างอุโบสถกับศาลาการเปรียญ ซึ่งมีลักษณะบดบังไม่น่าดู ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสได้สร้างไว้ พระมหาสมศักดิ์กล่าวว่ามีความกังวลเหมือนกัน และได้หารือกับผู้ใหญ่บ้านญาติโยมเห็นสมควรรื้อตั้งแต่แรกแล้ว  โดยหลังจากนี้ชาวบ้านจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ หรือตุ้มขวัญพระเพราะพระใจเสีย ให้เรียกขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว เป็นพิธีกรรมของชาวบ้าน อยากให้พระอยู่เย็นเป็นสุขเป็นศูนย์รวมจิตใจญาติโยม ญาติโยมก็ขวัญเสียเหมือนกันกลัวกันหมดทั้งหมู่บ้าน ตอนนี้ก็หลอนกลัวกันหมด เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อยากให้มีมาตรการป้องกันทางบ้านเมืองด้วย ทางศาสนาก็อยากให้มีการเยียวยาด้านจิตใจด้วยก็ตัองป้องกันหลาย ๆ ส่วน

ด้านนายหนูพันธ์ ลัดดา ผู้ก่อเหตุ หลังได้รับการปล่อยตัวออกมา ก็มาอยู่ที่บ้านกับพี่ชายคือนายอ่อนตา ลัดดาอายุ 64 ปี โดยอยู่ด้วยกัน 2 คน ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึง นายหนูพันธ์ กำลังช่วยพี่ชาย มุงหลังคาอยู่ ผู้สื่อข่าวจะตะโกนถามนายหนูพันธ์ ว่าไปทุบพระพุทธรูปทำไม นายหนูพันธ์ ตอบกลับมาว่า ตอนที่ทำนั้นไม่รู้สติ ไม่รู้สึกตัวใดๆ ก่อนที่จะลงมือ มีสิ่งที่ตามองไม่เห็นกระซิบบอกข้างหูให้ทำโน่นทำนี่  ซึ่งวันนั้นตนไม่ได้ดื่มเหล้าเลยด้วย ส่วนที่ว่าเสพยาบ้านั้นยิ่งแล้วใหญ่ ตนไม่เคยเสพเลย ที่ทำไปทั้งหมดเป็นเพราะมีสิ่งที่ตามองไม่เห็นคอยสั่งให้ทำหลังกลับมามีสติก็รู้สึกสำนึกเสียใจ โดยตั้งใจไว้ว่าจะซื้อพระองค์ใหม่มาแทนให้วัดต่อไป

นายภาคภูมิ ชมโสม ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่าถ้าจะดำเนินการกับนายหนูพันธ์ที่ทำลายพระพุทธรูป ก็ไม่มีครอบครัวที่เป็นตัวเป็นตนอาศัยอยู่กับพี่ชาย ได้แต่เพียงแจ้งความไว้เป็นหลักฐานท่านั้น แต่ถ้าก่อเหตุซ้ำอีกก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ยายสุดใส พิเมสุ อายุ 74 ปี กล่าวว่าที่ผ่านมา บ้านคำเตยยังไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ชาวบ้านมีความหวาดกลัว จึงอยากให้นำตัวนายหนูพันธ์ไปรักษา  แต่ชวนไปหาหมอ ก็ไม่ยอมไป จึงขอฝากให้บ้านเมืองช่วยนำตัวนายหนู่พันธ์ไปรักษาโดยด่วนด้วยเพราะหากขืนปล่อยไว้อาจจะก่อเหตุที่ใหญ่กว่านี้ก็ได้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน