กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เผย เจรจาประเทศเพื่อนบ้าน สกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งบำบัดผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยและแก้ปัญหา ฝุ่น PM2.5 จ่อบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังพร้อมใช้มาตรการ กำจัดการเผาทำลาย ใครเผาจะถูกตัดสิทธิ์ช่วยเหลือจากรัฐ
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอบกระทู้ถามสด ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า มีรากเหง้ามาจากปัญหาเศรษฐกิจ การใช้ไม้ขีดก้านเดียวเผาตอข้าว-ข้าวโพด ตึงจะต้องดูแล ควบคุมให้ดี ไม่ให้มีการเผา ไม่ว่าจะเป็นการไถกลบ รวมถึงการให้องค์ความรู้แก่เกษตรกร ในทางนิติบัญญัติ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธานกรรมาธิการผลักดัน พระราชบัญญัติอากาศสะอาด ที่รวมกับร่างฯ ของประชาชนและพรรคการเมืองอีก 6 ฉบับ ส่งเข้าสู่สภาฯ แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน วานนี้ (7 ก.พ.) ได้เจรจาทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ผ่านมา ราคาข้าวดี ทำให้มีการปลูกข้าวรอบสอง จึงมีการเร่งเผาทำลายวัชพืช ซึ่งเกิดขึ้นในกัมพูชาเช่นกัน หลังจากพูดคุยกันทั้งสองประเทศแล้ว จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและตรวจจับผู้ที่เผาทำลายวัชพืชด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) ได้สั่งการคณะรัฐมนตรี ให้ใช้มาตรการ Negative incentive กำจัดการเผาป่า หากเกษตรกรรายใดยังเผาอยู่ จะถูกตัดสิทธิ์การที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ใครที่ทำผิดกฎหมาย อาจจะต้องบังคับใช้กฎหมายโดยกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกัน จะให้ความช่วยเหลือในการขนวัชพืชเข้ามาทำไบโอดีเซล ทำถ่านไร้ควันหรือทำปุ๋ยอินทรีย์ด้วย
โชว์ตัวเลขจับยาเสพติด ยึดทรัพย์กว่า 2,500 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ยังตอบกระทู้ถามสดกรณีปัญหายาเสพติดว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ ตลอด 4 เดือนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สามารถจับผู้ค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 40% เป็นจำนวน 32,000 กรณี ยาบ้า ก็จับได้มากกว่าปีก่อนหน้า 2 เท่า กว่า 250 ล้านเม็ดในช่วงเดียวกัน เน้นจับรายใหญ่ ไม่ให้ไปกระจายต่อได้ โดยรายใหญ่ ที่ขาย 500,000 เม็ดขึ้นไป จับได้ 62 กรณี ยึดทรัพย์แล้วกว่า 2,500 ล้านบาท ต้องยอมรับว่ารากเหง้าของปัญหายาเสพติด มาจากปัญหาเศรษฐกิจ และอาจโยงไปถึงปัญหาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยเฉพาะเมียนมา ซึ่งไทยมีชายแดนติดกับเมียนมาประมาณ2,500 กิโลเมตร ไทยได้รับมอบหมายจากอาเซียน ให้เจรจากับเมียนมา
ซึ่งเป็นที่น่ายินดี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาอำนาจสองประเทศส่งผู้นำระดับสูงมาเจรจาและพูดกันในหลายปัญหา จึงได้แจ้งถึงปัญหาภายในของเมียนมาที่ส่งผลมาถึงไทย เช่น ปัญหายาเสพติด ซึ่งปัจจุบันทะลักเข้ามาในไทยตามแนวชายแดนจำนวนมาก ต้องขอบคุณกองทัพ ที่ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ส.ส.ในพื้นที่ สกัดตามแนวชายแดน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ทางภาคเหนือทำได้ดีแล้ว แต่จะไปเกิดตรงภาคกลาง เช่นจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต้องดำเนินการสู้กันต่อไป รวมไปถึงการดำเนินโครงการบำบัด ‘คืนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย’ เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีอาชีพที่ดี คืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว ถือเป็นเรื่องสำคัญรัฐบาลจะทำอย่างต่อเนื่องต่อไป
ส่วนที่สมาชิกสภาฯ กล่าวถึงน้ำกระท่อม ว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ และเริ่มแพร่กระจายไปในสังคมอย่างรวดเร็วนั้น จากที่ได้ไปพบและพูดคุยกับ ส.ส.อุบลราชธานีมา ได้สั่งการกวาดล้างโดยเร็วภายใน 1 สัปดาห์ และพยายามให้ขยายไปดำเนินการในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย หากสมาชิกสภาฯ พบปัญหาดังกล่าวในพื้นที่ ก็ขอให้แจ้งมา เพื่อดำเนินการอย่างทันควัน
