ปัตตานีทัวร์ลงหนักเพจโรสเผยคลิปพิธีกรดังวิวาทตะลุมบอนจนกระเทยเจ็บหนักในงานประกวดมิสไชน่า
เป็นเรื่องดราม่า ทัวร์ลงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี หลังผู้ใช้เพจ ชื่อ โรส ได้มีการโพสความว่า “มาค่ะขึ้นรถทั่วร์ปัตตานี” จนมีการแชร์เรื่องดังกล่าวเป็นวงกว้าง ซึ่งใต้คอมเม้นต์มีคลิปภาพเหตุการณ์หนึ่ง โดยในคลิปมีการตบตีกันอย่างรุนแรงภายในงานซึ่งเป็นช่วงจบงานประกวด ระหว่างพิธีกรชื่อดังของจังหวัดปัตตานี กับหญิงสาวประเภทสองจนใบหน้าบวมช้ำหนัก พร้อมได้เล่าเหตุการณ์ ซึ่งระบุว่า มีการจัดงานประกวดมิสไชน่า ปัตตานี
“เหตุจากพี่เลี้ยงนางงาม ส่องไฟใส่นางงามเพราะไฟเวทีมืดมาก พิธีกร(คนจัดการ)ไม่พอใจ ได้มีการตักเตือนออกทางไมค์ใน live สด ทางพี่เลี้ยงนางงาม ก็หยุดส่องไฟทันที และได้มีการสั่งการลูกน้อง ไปคุยกับคนที่ส่องไฟ ซึ่งทางลูกน้องก็ไปคุยและเริ่มทำร้ายร่างกายทันที แต่ทำร้ายผิดคน เพราะเห็นว่า คนคนนั้นยืนอยู่ใกล้ไฟฉายพอดี ซึ่งบุคคลท่านนั้นไม่ใช่พี่เลี้ยงนางงาม และเมื่อพิธีกรมาถึง ก็ได้เข้าไปร่วมทำร้าย โดยการใช้เก้าอี้ฟาดโดนหน้าผากและแขนขา มีคนช่วยกันห้ามเยอะมาก กลายเป็นเหตุชุลมุน คนจัดงานมีอาการคล้ายคนเมา และเป็นผู้มีอิทธิพลในหน่วยงานราชการ ในคลิป เป็นพี่เลี้ยงนางงามเข้าไปบอกว่า คนเสื้อชมพูไม่เกี่ยวอะไรด้วย แต่ทางพิธีกร ไม่รับฟัง อาละวาดและทำร้ายทุกคนที่เข้าไปไกล่เกลี่ย ตอนพิธีกร พูดด่าคนส่องไฟบนเวที มีการชี้หน้าลงมาด้วย ทางพี่เลี้ยงเองก็ปิดไฟทันทีมีพลเมืองดีไปเตือนพิธีกรด้วยว่า ในไลฟ์สดมีคนคอมเม้นต์ติเยอะมาก ว่าไฟเวทีมืด ให้เขาส่องดีแล้วเพราะมองไม่เห็นเลย แต่พิธีกรฟิวส์ขาด สั่งปิดไลฟ์สดและลบคอมเม้นทั้งหมดออก และก็เกิดเรื่องตอนงานจบ แต่ระหว่างงาน ได้มีการสั่งลูกน้องของเขา ให้มาเรียกพี่เลี้ยงไปคุยหลังเวที แต่ทางพี่เลี้ยงยุ่งอยู่หน้าเวทีเพราะกำลังดูเด็กประกวดอยู่ และเขาก็สั่งลูกน้องว่า งั้นเอาเลยลูกน้องก็ตบเลยทันที ตรงนั้น และทางพิธีกรก็ลากเหล็กกั้นทางมาเพื่อจะตีด้วย แต่ด้วยความวุ่นวาย เขาทิ้งเหล็กและเปลี่ยนมาใช้เก้าอี้ตีแทน ตรงหน้าผาก แขน หลัง ตามรูป พี่เลี้ยงก็ช่วยกันห้าม แต่ทีมเขาเยอะมาก ผู้ชายเกือบสิบคนตามในคลิป”
สำหรับเรื่องดังกล่าว โซเชียลมีการแชร์เป็นวงกว้าง พร้อมมีการคอมเม้นต์อย่างรุนแรง สำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหลายคอมเม้นรู้จักพิธีกรท่านนี้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายคนต่างไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าว
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นคืนวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นงานการจัดงานประกวดมิสไชน่า 2567 วันแห่งความรักของครอบครัว ในงานเทศกาลตรุษจีน และช่วงเกิดเหตุประชาชนได้เดินทางกลับบ้านไปบางส่วนแล้ว เหลือเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องบางส่วนที่ยังอยู่ภายในงาน โดยเหตุเกิดที่ลานศิลปวัฒนธรรม หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.เมืองปัตตานี และฝ่ายพิธีกรก็ได้เข้าแจ้งความเช่นเดียวกัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 กพ. ที่สถานีภูธรเมืองปัตตานี นายปัญญา เทพเฉลิม นักสันทนาการชำนาญการ เทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นพิธีกรคนดังกล่าว ได้มาพบพนักงงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในส่วนของเรื่องที่มีการทะเลาะวิวาทกันในงาน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่งโมงในการพูดคุยกับพนักงงานสอบสวน ซึ่งเมื่อหลังจากเสร็จการให้ปากคำ ทางนายปัญญา เทพเฉลิม ได้เดินออกมาและให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าว
นายปัญญา เทพเฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้เดินทางมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเนื่องจากตนก็ได้รับบาดเจ็บที่หัวจนลุกลามไปยังข้างหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปนำใบรับรองแพทย์เพื่อมายืนยัน
ส่วนจะแจ้งความเรื่องที่ตนถูกทำร้ายร่างกายนั้นก็คงไม่ เพราะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ตนไปอยู่จุดนั้นและเกิดการชุลมุน และโดนลูกหลง จึงมาร้องทุกข์ไว้ก่อน
นายปัญญา กล่าต่อว่า ตนขอโทษพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และจังหวัด เพราะเหตุนี้เป็นเรื่องความเข้าใจผิดกัน และที่สำคัญต้องขอโทษน้องที่ๆ ได้รับบาดเจ็บ แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำ ผมไม่มีพลังมากขนาดนั้นจนไปทำให้น้องหน้าบวม ตนอายุ 60 ปี แต่งตัววัยรุ่นดูเหมือนมีพลัง จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
ส่วนที่ตนมีปัญหากับอีกคนหนึ่ง ถ้าเขาเข้ามาไกล่เกลี่ยตนก็ยินดีมาก ประเทศก็บอบช้ำมามาก เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำผลประโยชน์ให้กับสังคม น้องอยู่ในวงการนางงาม ส่วนตนก็เป็นพิธีกร ก็เจอกันบ่อย
ส่วนปัญหาที่ตามมาภายหลัง ตนก็กังวล เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนก็บอกไปตามความจริงที่เกิดขึ้น ด้วยตนเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเข้าไปห้ามก็เกิดบันดาลโทสะ เพราะตอนก็โดนกระชากคอ และดึงผมด้วย
ต่อมาในเวลาประมาณ 13.00 น.ทางเหล่าพี่เลี้ยงนางงาม และผู้ได้รับบาดเจ็บที่โดนทำร้ายที่ปรากฏในคลิปก่อนหน้านี้ ก็ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานีเพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยสวนทางกับทางนายปัญญา เทพเฉลิม ที่มาพบเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่นาที
โดยทางพี่เลี้ยงนางงามยังได้โชว์อุปกรณ์ส่องไฟที่ใช้ส่องในคืนที่เกิดเรื่องให้กับทางผู้สื่อข่าวได้ดู โดยเป็นลักษณะคล้ายไฟฉายขนาดใหญ่ สีดำ ซึ่งได้เปิดฉายไฟให้กับทางผู้สื่อข่าวได้ดู และได้เน้นย้ำว่า พวกตนไม่ได้เป็นคนฉายไฟ เป็นพี่เลี้ยงนางงามอีกคน ที่นำไฟฉายออกมาให้ผู้สื่อข่าวดูนั้น จะบอกว่าพี่เลี้ยงนางงามทุกคนจะมีไฟแบบนี้พกไว้ตลอด เพื่อส่องทีมนางงามของตนเอง
นายอธิวัฒน์ พันธภาค อายุ 32 ปี สาวประเภทสองผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนตามเพื่อนมาเชียร์นางงาม ก็มีพี่เลี้ยงของนางงามอีกคนได้ส่องไฟเพื่อให้สว่าง พิธีกรก็ได้ตักเตือน ซึ่งคนที่ส่องไฟก็ได้หยุดส่องไฟทันที จนประกวดเสร็จก็ได้ถ่ายรูปกับนางงาม และพี่เลี้ยงนางงามคนดังกล่าวได้ส่องไฟเฉพาะนางงามเท่านั้น พอส่องเสร็จพี่เลี้ยงได้ฝากไฟฉายไว้ที่ตน จากนั้นพิธีกรก็ให้ทีมงานมาเรียกตนไปคุย แต่ตนไม่ไป ตนบอกถ้าจะคุยก็มาคุยหน้าเวที พอตนพูดเสร็จ พิธีกรก็บอกว่าเริ่มเลย ตนก็โดนตบที่แก้ม แล้วพิธีกรก็เอาเก้าอี้มาฟาดหัวและแขนทันที ตนยืนยันว่าเขานั้นแหละเป็นคนทำกับลูกน้อง พอตนโดนตี ก็มีเพื่อนเข้ามาช่วยห้าม จากนั้นเพื่อนก็โดนรุมอีกตามคลิปที่ปรากฏ ส่วนตนไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย เพราะตนก็ตามมาที่หลังเพื่อมาดูการประกวด ตนขอความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ เพราะตนก็ไม่รู้อะไร ตนอยากรู้ว่าที่โดนแบบนี้เพราะอะไร แล้วมาโดนเหตุการณ์แบบนี้มันไม่สมควรเกิด โดยการใช้ความรุนแรงเกินเหตุ
นายเอกรัตน์ หลัดจันทร์ อายุ 26 ปี เพื่อนของนายอธิวัฒน์ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พอพิธีกรประกาศงดส่องไฟ เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงนางงามที่ส่องไฟก็หยุดทำทันที ซึ่งเราต้องทำตามเพราะเป็นงานของเขา แต่สิ่งที่รับไม่ได้ คือน้องที่โดนไม่ได้เป็นคนส่องไฟแต่เป็นผู้ถูกกระทำ อยากจะทราบว่าเพราะอะไร สาเหตุอะไรถึงทำแบบนี้ ถ้าคุณไม่พอใจในคอมเม้นในไลฟ์สด เป็นพิธีกรต้องรับให้ได้ ช่วงเกิดเหตุก็มีคนในเทศบาลเยอะมาก ก็อยากให้ออกมาเป็นพยาน ตนต้องขอโทษเทศบาลด้วย เพราะเป็นเรื่องมักง่ายของคนบางคนเท่านั้นที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ทำให้ชื่อเสียงจังหวัดเสื่อมเสีย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีคนรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่คนก่อเหตุก็พร้อมที่จะรับฟัง แต่หากเป็นคนที่ก่อเหตุต้องรับผิดชอบ ตนไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการกระเช้า แต่ต้องการความยุติธรรมมากที่สุด
ด้าน นายอันนุวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี กล่าวว่า ต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับความจริง ซึ่งในคืนวันงานผมก็ไปดูความเรียบร้อยปกติ แต่ไม่ได้อยู่จนจบ เพราะเป็นภูมิแพ้ พอได้ทราบเรื่องนี้ ได้เรียกนิติการ มาประชุมเพราะเป็นเรื่องกระทบวงกว้าง ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผิดวินัยก็ต้องไปตามผิด ผลคดีต้องว่ากันไปตามกฏหมาย ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่าบางคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เป็นปัญหาของสังคมไปแล้ว ในฐานะเทศบาลต้องให้ความยุติธรรม กรณีเป็นเคสตัวอย่าง เราไม่นิ่งนอนใจ ให้ทุกคนติดตามข้อเท็จจริง ยึดหลักระเบียบและกฏหมายเพื่อความเป็นธรรม ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาผิดก็ว่าไปตามผิด ต่อไปเขาต้องรักษาตัวเองให้ดีแล้วไปตอบสังคมให้ชัด สิ่งนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชา เมื่อโซเชียลไปเร็วอาจเกิดผลกระทบไปมาก เท่าที่สอบถามทราบว่าเหตุเกิดหลังจากงานเลิก ยิ่งต้องหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: