เวลา 9:30 น วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 5 ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)นำโดย นายชิตชนก ชุมพล ผอ. กลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริตในภาครัฐ นำภาคีการทำงานร่วม อาทิ กอ.รมน.ส่วนกลาง ปปช.จังหวัดแพร่ ยุติธรรมจังหวัดแพร่ ธรรมาภิบาลจังหวัดแพร่ เข้ารับฟังข้อมูลการทำงานของกรมชลประทานในโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ โดยเข้ารับฟังบรรยายสรุปที่ห้องประชุมสำนักงานชลประทานจังหวัดแพร่ถึงสาเหตุที่ทำให้โครงการต้องล่าช้าออกไปเป็นที่สงสัยของประชาชน
เวลา 13:30 น. คณะได้เดินทางเข้าดูพื้นที่โครงการที่บ้านแม่แคม หมู่ที่ 7 ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ พบว่าโครงการยังไม่สามารถถมแนวคันดินสันอ่างเก็บน้ำได้ เนื่องจากยังไม่สามารถปิดถนนทางสัญจรของชาวบ้านได้ การสร้างถนนทดแทนถนนเดิมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแบบให้สอดคล้องกับหลักความปลอดภัยของกรมทางหลวง เป็นสาเหตุทำให้ต้องชะลอโครงการอัดดินแนวสันเขื่อนและสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ที่ต้องหยุดกิจการโครงการไปนานถึง 2 ปี
ซึ่งกรมชลประทานยืนยันว่าปัญหาอุปสรรคอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นกันตัดลดระดับความลาดชันของภูเขาเพื่อทำเส้นทางใหม่ นายวัชรดุลย์ ธนามี ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 4 กรมชลประทาน ชี้แจงว่าโครงการนี้เป็นภาระหน้าที่ของกรมชลประทาน ได้เร่งรัดให้เป็นไปตามแผน คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ในวันที่ 18 มีนาคม 2568 ถนนทดแทนจะมีการถ่ายโอนงบประมาณให้กรมทางหลวงดำเนินการต่อในระยะทาง 3 กิโลเมตร จะให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีโครงการนี้หลังปิดโครงการจะมีพื้นที่รับประโยชน์จำนวน 7,500 ไร่ ในตำบลป่าแดง ตำบลสวนเขื่อน ตำบลกาญจนา ตำบลบ้านถิ่น และตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่
ส่วนปัญหาการร้องเรียนเรื่องราวเวนคืนที่ดินที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและมีกระแสการทุจริตในส่วนนี้ทางปปท. จะมีการสืบสวนสอบสวนและติดตามเพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมแก่ราษฎรในพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดเพราะเป็นอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 10 กำลังสานต่อโครงการ
