X

ผู้การปากน้ำ เข้าสอบปากคำน้องน้ำตาลด้วยตัวเอง

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า คดี หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน คุมตัว นางสาว ปียานุช(หรือน้ำตาล) ธรรมรัตน์ อายุ 22 ปี หญิงไทยที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหนุ่มไต้หวัน เจ้าตัวให้การว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ แต่เห็นเหตุการณ์บางช่วง ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน ซึ่งเป็นชาวไต้หวัน หนึ่งคนได้กลับประเทศไปแล้ว ส่วนอีกสามคนยังหลบหนีอยู่ในกัมพูชา

อ่านข่าว จ่อยิงโหดชายชาวต่างชาติ ถูกฆ่านำศพมาหมกร้านค้าร้างภายในสนามบินสุวรรณภูมิ
อ่านข่าว ผู้บัญชาการภาค 1 มั่นใจคลี่คลายคดียิงหัวชาวต่างชาติหมกศพในสนามบินได้ในไม่กี่วัน
อ่านข่าว พบจุดสังหารชายชาวไต้หวันในบ้านพักหมู่บ้านหรู ย่านลาดปลาเค้า ส่วนผู้ก่อเหตุพบภาพอยู่ที่ด่านคลองลึก
อ่านข่าว ล่าสุดตำรวจแกะรอยกล้องวงจรปิดจนพบรถมาสด้าสีแดงถูกจอดหมกท้ายซอยใกล้เลียบมอเตอร์เวย์

เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวนของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คุมตัว aผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนและร่วมกันปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ และหลบหนีออกนอกประเทศไปพร้อมกับผู้ต้องหาชาวไต้หวันอีก 4 คน ต่อมาตำรวจไทยได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับผู้ต้องหาข้ามชาติไปยังตำรวจของกัมพูชาจนสามารถตามจับกุมตัวนางสาวปียานุช หรือน้องตาล ได้แถวบ่อนฝั่งปอยเปรตซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทยกัมพูชา ก่อนจะคุมตัวส่งให้กับทางตำรวจไทยนำตัวมาสอบปากคำเบื้องต้นและคุมตัวมาสอบขยายผลที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ขณะเดินขึ้น สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตอนแรกเจ้าตัวไม่ยอมเปิดปากหรือพูดอะไรกับทางนักข่าว กระทั่งสุดท้ายยอมเปิดใจว่า ตนเองไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรม ชาวไต้หวัน คืนวันเกิดเหตุ ตนนอนพักอยู่บนชั้น 3 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ ย่านซอยลาดปลาเค้า กรุงเทพมหานคร และเป็นจุดสังหาร ระหว่างนั้นช่วงประได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในบ้าน แต่ตนเองไม่กล้าลงมาดู หลังเกิดเหตุ ตนเองก็ไม่ทราบว่า เอาศพไปทิ้งไหนกระทั่งแฟนของตนเอง ชื่อ นายเติ้ล ชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี บอกให้ตนเก็บเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวหนีไป ประเทศเพื่อนบ้าน จึงทราบว่าน่าจะเกิดเรื่องแล้ว จังหวะนั้นตนเองไม่รู้จะทำยังไง ด้วยความกลัวจึงเดินทางตามไปด้วย

ส่วน ประเด็นการก่อเหตุนั้นตนเอง ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาว และตนเองก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ตาย น่าจะเป็นเรื่องขัดแย้งธุรกิจ แต่เป็นธุรกิจ คอลเซ็นเตอร์หรืออะไรนั้น ตนเองไม่รู้ลึกเกี่ยวกับธุรกิจที่เค้าทำอยู่  แต่ยอมรับว่า นายหวัง คง เตง อายุ 42 ปี เป็นแฟนที่ดูแลเลี้ยงดูตนเองอยู่ และเป็นคนขับรถคันแดงนำศพออกจากบ้านพักไป ซึ่งสอดคล้องกับภาพกล้องวงจรปิดที่ริมถนนพัฒนาชนบท 3  ที่พบชายผู้ต้องหาสองคนทิ้งรถเดินเท้าออกมาเรียกแท็กซี่กลับไปที่บ้านเกิดเหตุ  ส่วนอีกคนที่นั่งมาในรถคือ  นาย ริน ควร ยุ่น อายุ 26 ปี และเป็นชายเสื้อดำที่ปรากฏในร้านสะดวกซื้อที่ลงไปซื้อ น้ำยากำจัดกลิ่นและคราบ และ นาย ริน ควร ยุ่น อายุ 26 ปี เป็นคนเดียวกันที่ขับรถเก๋งยาริสสีขาวมาจากพัทยาพร้อมกับคนตาย

ต่อมา เมื่อช่วงเย็น พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะมาติดตามความคืบหน้าคดีหลังจากที่สามารถจับตัว นางสาวปียานุช(หรือน้ำตาล) ธรรมรัตน์ อายุ 22 ปี ได้แล้ว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบ

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนรวมถึงตำรวจหลายหน่วยงานที่บูรณาการการทำงาน จนสามารถที่จะพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิต ทำให้คดีสามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นำไปสู่การกดดันทำให้หญิงชาวไทยรายนี้ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ เนื่องจากว่าทางหญิงคนดังกล่าวเองก็มีบ้านอยู่ที่อรัญอย่าประเทศจังหวัดสระแก้ว หลังก่อเหตุจึงได้มีการพูดคุยกับทางแฟนหนุ่มเพื่อจะขอเดินทางกลับ ซึ่งจากการสอบปากคำหญิงชาวไทยรายนี้เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ บอกว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือเคลื่อนย้ายอำพรางศพ  แต่ เห็นเหตุการณ์เป็นบางช่วง และในขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด และได้ยินเสียงผู้ตายพูดเป็นภาษาจีนว่าขอโทษ 3 ครั้ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับพยานที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณจุดเกิดเหตุ

ขณะที่เบื้องต้นตำรวจเองก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติมรวมถึงใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบเพื่อยืนยันว่าหญิงคนนั้นกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตรงกับคำให้การหรือไม่ โดยหลังจากที่สอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนี้ก็จะมีการนำตัวส่งศาลฝากขังต่อ ส่วนจะมีความผิดจริงหรือไม่ก็จะต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อในชั้นศาล

ส่วนเรื่องของปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นตำรวจ ตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าวแล้วพบว่ามีการ ซื้อขาย เปลี่ยนมือต่อกันมา 3 ทอดกว่าจะมาถึงมือของแก๊งชายชาวไต้หวัน ซึ่งตอนนี้พอจะมีเบาะแสบางส่วนแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางอาวุธปืนก่อนที่จะมาถึงตัวของชายชาวไต้หวันว่าก่อนหน้านี้อยู่ในมือของใคร

ส่วนประเด็นในการสืบสวนสอบสวนตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย (ยาเสพติด) / 2.เรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ / 3. เรื่องชู้สาว โดยตำรวจตั้งประเด็นหลักไว้ที่เรื่องของธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นอื่นๆทิ้ง

ส่วนผู้ต้องหา ชายชาวไต้หวันทั้งหมด 4 คน เบื้องต้นหนึ่งคนได้กลับประเทศไปแล้ว ส่วนอีกสามคนยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน