กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ชี้ การแก้ปัญหาหนี้ ต้องใส่ใจ ความร่วมมือ และความต่อเนื่อง เผย ต้องดูแลสวัสดิภาพข้าราชการและบุคลากรของรัฐ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่กระทบต่อความสามารถในการบริการประชาชน
วันที่ 15 มีนาคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแถลงความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้ แก่บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยมีผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานของรัฐ 11 หน่วยงาน ร่วมแถลงข่าว
โดยพลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย รายงานความคืบหน้าว่า ขณะนี้มีจำนวนหนี้รวมสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท หนี้เสียทุกประเภทและสินเชื่อกำลังทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมาก แยกเป็น หนี้บ้าน เช่าซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อเกษตร หนี้ OD และหนี้อื่น ๆ
ล้วนมีความซับซ้อน ไม่สมดุล และเป็นที่สังเกตได้ว่า มีความไม่เป็นธรรมในเชิงโครงสร้าง จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนอำนาจในการแก้ไขจากฝ่ายบริหาร ด้านการจัดการของหน่วยงานนโยบายและหน่วยงานกำกับ ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น และฝ่ายตุลาการเพื่อนำมาซึ่งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการบังคับคดีที่เหมาะสม
พลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ แถลงต่อว่า หนี้เงินกู้สวัสดิการของบุคลากรภาครัฐ เป็นยอดหนี้ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏในรายงานยอดหนี้ของ ศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากจำนวนบุคลากรภาครัฐ 3.1 ล้านคน (ยังไม่รวมสมาชิกในครอบครัว) เป็นลูกหนี้เงินกู้ของ สหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ 1,378 แห่ง จำนวนลูกหนี้รวม 2.8 ล้านคน และมีธนาคารที่ให้สินเชื่อในลักษณะสวัสดิการร่วมด้วย อีกอย่างน้อย 3 แห่ง คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 3 ล้านล้านบาท
ขณะที่ลูกหนี้จำนวนหนึ่ง ยังคงชำระหนี้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารอยู่ แต่มีบุคลากรภาครัฐจำนวนมากและมากขึ้น ที่มีรายได้สุทธิหลังหักชำระหนี้และเงินค่างวดรายเดือนแล้ว มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และบุคลากรของรัฐจำนวนมากขึ้น ๆ ที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จนกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงต่อเนื่อง จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน
นายกฯ ระบุ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องดูแลสวัสดิภาพข้าราชการ และบุคลากรของรัฐ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ปัญหาหนี้สินของข้าราชการ และบุคลากรภาครัฐ ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่จะต้องดูแลสวัสดิภาพของลูกจ้าง ถ้าลูกจ้างของภาครัฐเผชิญความยากลำบาก ในการแก้ปัญหาหนี้สิน หารายได้มาไม่เพียงพอ ชักหน้าไม่ถึงหลัง จะกลายเป็นสารตั้งต้น ความหายนะของประเทศ ทำให้บุคคลเหล่านี้หันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อความสุขทางใจ และอาจจะประพฤติผิดกฎหมาย เพื่อให้ได้เงินมาอก็จะกระทบต่อความสามารถ ที่จะดูแลและให้บริการประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในวันนี้ จากการรับฟังรายงานของทุกหน่วยงาน เชื่อว่าทุกหน่วยงานได้ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว ต้องขอชื่นชมความตั้งใจในการทำงานแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายไม่ให้ออกจากราชการ ให้ข้าราชการมีเงินใช้หลังหักหนี้แล้ว เพียงพอต่อการดำรงชีพและดูแลครอบครัว รวมถึงการจัดทำสินเชื่อพิเศษ และการลดดอกเบี้ย
นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้ามามีส่วนร่วมในการเชื้อเชิญสหกรณ์ ให้เข้ามาอยู่ในระบบเพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้หนี้สินไม่ได้ลดลง ขอให้พยายามมากขึ้น เข้าใจขีดจำกัดการทำงาน แต่ในเมื่อเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ขอให้ทุกคนมีความทะเยอทะยานในการช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: