ราชบุรี ในวันนี้ ( 19 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในหมู่ 3 หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ว่ากำลังจะไปรวมตัวที่หน้า อบต.ตะนาวศรี เพื่อขอให้ทางอบต.ตะนาวศรี ช่วยเรื่องการไปขอแจ้งความที่สภ.สวนผึ้ง จากกรณีที่ถูกนายทุนให้เงินไปดาวน์รถยนต์ โดยบอกว่าจะเอาไปให้ฝรั่งเช่า และจะนำค่าเช่าที่ได้ไปผ่อนตัวรถ และเมื่อครบกำหนด 6 เดือน นายทุนก็จะขอโอนรถไปเป็นชื่อของตัวเอง โดยไม่มีพันธะผูกพันใดๆ และยังให้เงินค่าเสียเวลาไปดำเนินการด้วย จึงทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อและยอมไปเซ็นต์สัญญาเช่าซื้อรถให้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน กลับมีบริษัทไฟแนนซ์มาทวงเงินค่าผ่อนรถจำนวนหลายเดือน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 20 คน จึงได้รวมตัวกันมาร้องเรียนที่อบต.ตะนาวศรี
ซึ่งจากการสอบถามนางสาวอรณี บุ้งกี๋ อายุ 32 ปี ชาวบ้านในม.4 ต.ตะนาวศรี 1 ในผู้เสียหาย ก็ให้ข้อมูลว่า ตนนั้นเป็นหนี้นางสาวเบลล์(นามสมมุติ)ซึ่งเป็นเจ้าแม่เงินกู้ และได้ถูกชักชวนให้ไปออกรถปิกอัพมือสองเพื่อนำไปให้ฝรั่งเช่าในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยมีน.ส.นุ่น (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นคนในหมู่ 3 ต.ตะนาวศรี มาร่วมชักชวนด้วยอีกคน จึงทำให้เกิดความเชื่อใจ เพราะน.ส.นุ่น กับน.ส.เบลล์ ให้ความมั่นใจว่า จะผ่อนรถให้ 6 เดือน หลังจากนั้นก็จะโอนไปเป็นชื่อ น.ส.เบลล์ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เครคิดของตนเองนั้นดี สามารถที่จะไปขอสินเชื่อที่ไหนก็ได้ และเราจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร และมีการตรวจเครดิตบูโรด้วย ซึ่งตนก็ผ่านทำให้หลงเชื่อและยอมไปเซ็นต์สัญญาเช่าซื้อรถให้ โดยน.ส.เบลล์ เป็นคนจ่ายเงินดาวน์ให้ แต่รถคันแรกที่ไปซื้อนั้นไปซื้อที่เต็นท์รถในกรุงเทพฯ หลังจากที่ไปถึงเต็นท์รถก็แค่เซ็นต์เอกสาร ซึ่งตนก็ยังถามว่าเงินเดือนน้อยสามารถออกรถได้เลยหรือ ซึ่งน.ส.เบลล์ก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้ หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน ทางเต็นท์ก็นำรถมาส่งให้ที่อำเภอสวนผึ้ง หลังจากนั้นก็จะมีคนมานำรถไป โดยให้ตนนั้นเซ็นต์เอกสารยินยอมซึ่งก็เข้าใจว่าเป็นการยินยอมให้เช่า หลังจากนั้นน.ส.เบลล์ก็มาส่งที่บ้านโดยจ่ายค่าเสียเวลา 25,000 บาท อีกไม่นานก็พาไปออกรถคันที่ 2 อีกแต่คราวนี้สัญญาไม่ผ่าน ก็มีการเซ็นต์สัญญาอีกหลายรอบ และสุดท้ายทางเต็นท์ก็ให้ไปรับรถซึ่งก็ไม่รู้ว่าสัญญาผ่านตอนไหน ซึ่งภายใน 1 เดือนตนเองสามารถออกรถได้ถึง 2 คัน แต่คันที่สองนั้นคนที่มารับรถบอกว่ารถไม่ตรงตามสภาพจึงทำให้ราคาลดลง และจ่ายเงินค่าเสียเวลาตนแค่ 15,000 บาท ซึ่งตนนั้นไปซื้อรถทั้งสองคันในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2566 และไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากไฟแนนซ์เลย จนมาล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วไฟแนนซ์มาตามทวงหนี้ที่บ้าน จึงทำให้รู้ว่ารถไม่ได้มีการผ่อนเลย และเมื่อสอบถามไปยัง น.ส.เบลล์ก็อ้างว่าได้คุยกับทางไฟแนนซ์แล้วว่าจะผ่อนให้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการผ่อนและไม่รู้ว่ารถอยู่ที่ไหน ติดต่อน.ส.เบลล์ก็ไม่ได้ จึงติดต่อไปยังน.ส.นุ่น ก็ทราบว่าเป็นแค่คนหาลูกค้าไปซื้อรถเท่านั้นส่วนเรื่องเอกสารและการผ่อนรถ ทางน.ส.เบลล์เป็นคนจัดการทุกอย่าง จึงรู้ว่าน่าจะถูกหลอกและมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนก็โดนเหมือนกัน ตอนนี้รวมผู้เสียหายแล้วได้ 16 คน ซึ่งมีมากกว่านี้แต่หลายคนยอมที่จะรับภาระจ่ายหนี้เองเพราะทางครอบครัวไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย และทุกคนก็จะถูกชักชวนไปออกรถคนละ 2 คัน บางคนก็ 3 คัน ภายในระยะเวลาแค่ 1 เดือนสามารถออกรถได้ถึง 3 คัน โดยทางน.ส.เบลล์จะเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบจึงอยากวอนขอให้หน่วยงานได้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตนกับผู้เสียหายทั้ง 16 คน นั้นก็ยอมรับว่าเห็นแก่เงินค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความที่ไม่มีเงินจึงทำให้ยอมทำทุกอย่าง แม้จะต้องมีความผิดก็ยอมแต่อยากให้น.ส.เบลล์นั้นได้รับการลงโทษด้วยเพราะไม่อยากให้ไปทำกับคนอื่นอีก
ส่วนน.ส.น้ำเพชร วุฒิพานิชย์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านในหมู่ 3 ต.ตะนาวศรี และเป็นญาติของน.ส.นุ่น ก็ให้ข้อมูลว่าตนทำงานเงินเดือนแค่ไม่กี่พันบาท ซึ่งน.ส.นุ่นก็มาชักชวนให้ไปออกรถ จึงหลงเชื่อ โดยให้เอกสารกับน.ส.เบลล์ไป ซึ่งน.ส.เบลล์ก็บอกว่าจะจัดการเรื่องของสลิปเงินเดือนให้ และหากทางไฟแนนซ์โทรมาสอบถามก็ให้บอกว่าได้เงินเดือนๆ ละ 20,000 กว่าบาท โดยไปออกรถ 2 คัน รวมเป็นเงินเกือบสองล้านบาท ต่อมาก็มีเอกสารทางธนาคารมาทวงเงินจึงได้สอบถามไปยังน.ส.เบลล์ว่าทำไมทางธนาคารมาทวงเงิน ขอรถคืนได้ไหมแต่น.ส.เบลล์ก็บ่ายเบี่ยง และสุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้เลย จึงตัดสินใจไปแจ้งความแต่ทางตำรวจก็ไม่รับแจ้งอ้างว่าไปร่วมกันฉ้อโกงคนอื่น ซึ่งคนที่ทำกับเรานั้นอยู่ดีกินดีแต่เรากับลำบากและกลายเป็นหนี้คนละ 1 – 2 ล้านบาทโดยที่ไม่ได้ใช้รถเลย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น.ส.นุ่น ก็ให้ข้อมูลว่า ครั้งแรกนั้นไปกู้เงินกับน.ส.เบลล์ มา 5,000 บาท โดยส่งดอกลอยวันละ 50 บาท ไปจนกว่าจะมีเงินต้นไปส่ง และถูกชักชวนให้ไปหาลูกค้ามาออกรถ และประกอบกับมีญาติคนหนึ่งเขาก็หาลูกค้าให้น.ส.เบลล์ ด้วยและก็หมดหนี้เพราะได้เงินค่าหัวลูกค้ามาใช้หนี้ จึงได้ลองชวนญาติๆ หลายคนและทุกครั้งที่ผู้เสียหายไปออกรถตนก็จะไปด้วยทุกครั้ง ทั้งที่ไปออกรถที่เต็นท์รถ จ.อุดรธานี หรือกรุงเทพฯ โดยได้ค่าหัวลูกค้าคนละ 5,000 บาท หาลูกค้าได้ประมาณ 20 คน รถที่ออกมาทั้งหมดประมาณ 30 คัน และที่ผ่านมาตนก็ทำงานให้กับ น.ส.เบลล์ทั้งเรื่องหาคนและเรื่องการเซ็นต์เอกสารเป็นพยานให้กับลูกค้า รวมทั้งต้องคอยรับโทรศัพท์จากธนาคารและไฟแนนซ์ เพราะน.ส.เบลล์จะให้เบอร์โทรศัพท์ไว้กับทางธนาคารและไฟแนนซ์ โดยให้เงินเดือนๆ ละ 9,000 บาท แต่มีอยู่วันหนึ่งโทรศัพท์แบตหมดทำให้ทางไฟแนนซ์ติดต่อไม่ได้ ทางไฟแนนซ์จึงไปตามทวงหนี้กับลูกค้าทำให้ความแตก ตนจึงโดนไล่ออกและถูกบังคับให้นำเอกสารของลูกค้าทั้งหมดไปเผา ซึ่งเรื่องนี้ตนรู้ว่าผิดและทำให้ญาติพี่น้องเดือดร้อน จึงอยากให้ทางน.ส.เบลล์ออกมารับผิดชอบเรื่องนี้และตอนนี้ตนก็โดนทางสามีของน.ส.เบลล์มาข่มขู่ทำให้เกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าจะอยู่บ้านเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย และยังถูกใส่ร้ายอีกว่าเรื่องการออกรถทั้งหมดนั้นตนเป็นคนทำคนเดียว น.ส.เบลล์ไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตนนั้นไม่ได้รู้เรื่องในการจัดทำเอกสารเลย จึงอยากให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือทุกคนด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: