ธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ฟุ้ง มองเห็นแสงสว่างแก้ไขปัญหาสร้างท่อประปามาราธอน 5 ปีไม่เสร็จ จนเกิดถนนวิบากกรรม 7 ชั่วโคตร หลังยื่นสำนวนสอดส่อง 8 โครงการ งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ของกรมโยธาฯ ต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และ 4 องค์กรอิสระ ปปช.-ปปง.-สตง.-ดีเอสไอ เพื่อนำส่งกรรมาธิการ ปปช.และกรรมาธิการ ปปง. สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาคุณสมบัติของผู้รับเหมารายใหญ่ เหตุทำงานช้ากว่ากำหนด ได้รับสิทธิขยายสัญญาโดยไม่เสียค่าปรับ ขณะที่ชาวบ้านโวยทั่วเมืองทำงานอืดเป็นเรือเกลือ หน่วงเหนี่ยวความเจริญ ด้านผู้รับเหมารายย่อยที่รับช่วงงานสุดช้ำ ตลอด 1 ปีทำงานฟรีไม่ได้รับเงินค่าแรง เตรียมหลักฐานเดินหน้าทวงสิทธิ์ ร้องกรมแรงงานและกระบวนการยุติธรรม ฐานผู้รับเหมาขาใหญ่ฉ้อโกงแรงงาน
วันที่ 8 เมษายน 2567 นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.67 เป็นต้นมา หลังจากที่ คณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับ ปปท.เขต 4 และ ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สอดส่องการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบท่อประปาป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ งบ 148 ล้าน และโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง งบ 39 ล้าน ซึ่งทำงานล่าช้า ทั้งนี้ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน และผู้ประกอบการมานานถึง 5 ปี .ว่ามีการทิ้งงาน และทิ้งปัญหาให้ชาวเมืองกาฬสินธุ์เผชิญ หลังจากวันนั้นมีรายงานว่าอธิบดีกรมโยธาฯ มีมาตรการที่จะดำเนินกับผู้รับเหมารายดังกล่าวแล้ว ทั้งจะยกเลิกสัญญา 1 โครงการ และจะขึ้นแบล็กลิสต์กับผู้รับเหมาที่ไม่ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไร เพราะยังไม่เห็นประกาศเป็นทางการออกมา โดยคาดว่าหลังสงกรานต์จะมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา
นายชาญยุทธกล่าวอีกว่า ในช่วงที่รอคอยความชัดเจนจากอธิบดีกรมโยธาฯ คณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ลงพื้นที่สอดส่องทั้ง 8 โครงการ และรับฟังปัญหากับชุมชน ทราบว่ากรมโยธาฯจัดมาลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ช่วงปี 62-65 ทั้งหมด 8 โครงการ งบประมาณกว่า 558,281,000 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการมาในลักษณะเดียวกัน คือเป็นงบประมาณของกรมโยธาฯ และได้ผู้รับเหมาที่ชนะการเสนอด้วยวิธีการประกวดราคาอีเลคทรอนิคส์หรืออีบิดดิ้ง และมีปัญหาเดียวกันคือทำงานช้ากว่ากำหนด แต่ได้รับการขยายเวลา และถูกปรับ 0 บาท มีการเบิกจ่ายเงินงวดงานไปแล้วประมาณ 204,871,250 บาท
“ทั้งนี้ คณะธรรมาภิบาลฯ มีข้อมูลครอบคลุมทุกด้าน และได้รายงานต่อสำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้วบางส่วน ในลำดับจากนี้ไปก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่ง ปปช.-ปปง.-สตง.และดีเอสไอ ตามแนวปฏิบ้ติขององค์กรอิสระและธรรมาภิบาล ในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมารายย่อย ยื่นต่อกรรมาธิการ ปปช.และกรรมาธิการ ปปง. ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาคุณสมบัติผู้รับเหมาและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยคาดว่าหลังสงกรานต์ การแก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมโยธาฯ กระทรวงมหาดไทย จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในส่วนของการดำเนินการกับผู้รับเหมา การเยียวยาชาวบ้านและผู้รับเหมารายย่อย ที่ได้รับผลกระทบ” นายชาญยุทธกล่าว
ด้านนางวาสนา ถิ่นละออ อายุ 65 ปี หนึ่งในชาวบ้านชุมชนหัวโนนโกเกษตรผู้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งหน้าบ้านเป็นจุดก่อสร้างท่อประปามาราธอน 5 ปี จนเกิดถนน 7 ชั่วโคตร กล่าวว่า ตนและเพื่อนบ้าน ผู้ประกอบการบ้านพัก ห้องเช่า ร้านอาหาร คาร์แคร์ ได้รับความเดือดร้อนการขุดเจาะทำท่อระบายน้ำโครงการของกรมโยธาธิการฯ มาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีวี่แววที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ ร้องเรียนไปหลายครั้งแล้วเงียบหาย ดูเหมือนผู้รับเหมาไม่สนใจ ขอน้ำมารดถนนเพื่อลดฝุ่นละอองก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เห็นโยธาฯจังหวัดและคณะธรรมาภิบาลอกมาตรวจสอบและสอดส่อง ก็ยังพอมีมีกำลังใจและมีความหวังขึ้นมาหน่อย
ข่าวน่าสนใจ:
นางวาสนากล่าวอีกว่าพอทราบว่าทางคณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ได้รวบรวมข้อมูลส่งองค์กรอิสระ เพื่อยื่นต่อกรรมาธิการ ปปง.และกรรมาธิการ ปปช. สภาผู้แทนราษฏร ตนชาวบ้านในชุมชนหัวโนนโกเกษตร และถนนพร้อมพรรณอุทิศ ซึ่งเป็นขุดก่อสร้าง รวมทั้งชาวเมืองกาฬสินธุ์ ต่างปราบมือเกรียวกราวด้วยความดีอกดีใจ พร้อมส่งกำลังใจให้แก่กันและกันรวมทั้งขอบคุณคณะธรรมาภิบาลฯด้วย ที่ตระหนักในความเดือดร้อนของชาวบ้าน และพยายามกระตุ้นผู้รับเหมา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ในวันนี้ทุกคนจึงมีความหวังมากขึ้น และรออย่างใจจดใจจ่อว่าหลังสงกรานต์ทุกอย่างคงดีขึ้น และหวังว่าจะได้ถนนกลับมาเหมือนเดิมในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีกรมโยธาฯ จะยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมารายดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็จะส่งผลกระทบต่อสถานะของผู้รับเหมา และเกิดเหตุการณ์ล้มบนฟูกได้ จึงเป็นความหนักใจของผู้รับเหมารายย่อย ที่รับช่วงงานต่อจากผู้รับเหมารายดังกล่าว ที่ยังไม่เงินค่าจ้างตามงวดงาน และโอกาสที่จะได้เงินค่าจ้างยิ่งมืดมนยิ่งขึ้น แถมยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมมาสำรองจ่ายค่าแรงลูกน้อง รวมทั้งค่าวัสดุ อุปกรณ์การก่อสร้างเป็นจำนวนมากอีกด้วย ล่าสุด มีรายงานว่าผู้รับเหมารายย่อยกลุ่มดังกล่าวประมาณ 50 คน กำลังรวบรวมหลักฐาน เช่น สัญญารับช่วงงาน เพื่อเป็นข้อมูลนำปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งกรมแรงงาน ในการติดตามทวงเงินค่าจ้าง และแจ้งความดำเนินคดี ฐานฉ้อโกงแรงงานต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: