ตรัง-“ทวี สุระบาล” เฮ! วงในกกต.เผย เสียงเอกฉันท์ส่อวินิจฉัยไม่ได้ทำผิดกม.เลือกตั้ง หลังถูก “สาทิตย์” ร้องลูกทีมปราศรัยสัญญาว่าจะให้ เผยคืบหน้าร้องกลับ “ชวน-สาทิตย์” ปราศรัยใส่ร้ายหักหลังปชป. เห็นแก่เงิน “ทักษิณ” 42 ล้าน ต้องร้องเพราะสุดทน ถูกด่าสาดเสียเทเสียมาหลายปี ล่าสุดฝ่ายผู้ถูกร้องเลื่อนเข้าให้การ 3-4 รอบ โอด ยุคนี้ส.ส.ทำงานยาก เพราะไม่มีงบในมือ ต้องควักเนื้อช่วยประชาชนเอง
ที่จ.ตรัง ความคืบหน้าคดีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เมื่อครั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยเขตที่มีการต่อสู่กันอย่างดุเดือด นับเป็นเขตชนช้าง คือ เขต 2 จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นฐานของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส.ครองแชมป์มาหลายสมัยอย่างยาวนาน แต่ถูกโค่นล้มลงได้โดยนายทวี สุระบาล จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ทิ้งห่างคว้าเก้าอี้ส.ส.ไปได้แบบขาดลอย ด้วยคะแนนเสียงสูงสุดของประเทศ 63,185 คะแนน คิดเป็น 60.29% ทำให้มีการร้องกันไปมาอย่างอุตลุต โดยนายสาทิตย์ ได้หอบหลักฐานร้องต้อกกต.ให้วินิจฉัยพฤติกรรมการปราศรัยหาเสียงบนเวทีของนายทวี ที่ตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด โดยปรากฏมีบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นทีมของนายทวีขึ้นเวทีปราศรัยพูดว่าหากเลือกนายทวี จะมอบที่กินทำถนนให้ เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่
ขณะที่นายทวี ก็มอบหมายทนายนำหลักฐาน เป็นคลิปวิดีโอปราศรัยหาเสียงของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคปชป. และส.ส.บัญชีรายชื่อ และคลิปวิดีโอการปราศรัยของนายสาทิตย์ นำไปยื่นกกต.เพื่อเอาผิดกับนายชวนและนายสาทิตย์ เช่นกัน โดยกล่าวหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ใส่ร้ายป้ายสี โดยระบุ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 นายสาทิตย์ ตั้งเวทีปราศรัยที่ ตำบลเขาไพร อำเภอรัษฎา พูดใส่ร้ายบนเวทีกล่าวหานายทวี ว่าเมื่อปี 2548 นายทักษิณ คิดการใหญ่จะเป็นนายกฯ ตกปลาในบ่อเพื่อน ในลักษณะใช้เงินเป็นเหยื่อล่อให้นายทวี ในขณะนั้นนายทวียังอยู่พรรคปชป.ไปอยู่กับนายทักษิณ และปลาก็งับเหยื่อซึ่งหมายถึงนายทวี จนติดเบ็ดไปอยู่กับนายทักษิณ ส่วนนายชวน ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามโรงเรียนวังวิเศษ อำเภอวังวิเศษ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 กล่าวหานายทวี กินบนเรือนขี้รดหลังคาว่า ช่วงย้ายพรรคไปอยู่กับนายทักษิณ เพราเห็นแก่เงิน 42.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหักหลังพรรคปชป. ทั้งนี้ เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของกกต..
ล่าสุด ที่จังหวัดตรัง นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรังเขต 2 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เรื่องที่นายสาทิตย์ร้องตน ประเด็นว่ามีบุคคลปราศรัยบนเวทีหาเสียงของตน อาจเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้นั้น ตนทราบมาเป็นการภายในว่า เรื่องนี้กกต.กลางมีการถกเถียงกันพอสมควร โดยประเด็นสำคัญที่กกต.มีการยกมาถกเถียง คือ พื้นที่ที่มีการร้องเรียนตน เป็นเวทีหาเสียงที่ตั้งที่ตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด แต่เมื่อพิจารณาผลการเลือกตั้งที่ออกมาแล้ว ในละแวก 2-3 หมู่บ้านบริเวณที่ตนตั้งเวทีหาเสียงนั้น ตนกลับได้คะแนนน้อยกว่าพื้นที่อื่นอีก โดยขณะที่กกต.ถกเถียงกันกกต. เพื่อพิจารณา 2 แนวทาง ว่า ใบแดง หรือใบเหลือง เหมาะสมหรือไม่ ก็ถกเถียงกันมากว่า ไม่ว่าจะให้ใบแดงหรือใบเหลืองกับตน กกต.อาจเสียชื่อเสียงได้ เพราะนายทวีได้คะแนนอันดับที่ 1 ของประเทศ ทั้งนี้ ตนได้มีหนังสือสอบถามความคืบหน้าในการพิจารณาต่อกกต. โดยกกต.ได้ทำหนังสือตอบมาว่า กำลังอยู่ระหว่างร่างคำวินิจฉัย โดยกกต.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ในส่วนของตนนั้นไม่มีความผิดตามที่มีการร้องเรียน ส่วนเจ้าของที่ดินผู้ถูกร้องเรียนอีกคน อยู่ระหว่างร่างคำวินิจฉัย ซึ่งตนไม่ทราบผลว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้กกต.จะต้องพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียงแค่ 2 เดือน
ข่าวน่าสนใจ:
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ตรัง ผลผ่าพิสูจน์การตายพะยูน 2 ตัว ผอม หญ้าในท้องน้อย ป่วยตาย
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ตรัง ชื่นชมชุมชนท่องเที่ยวร่วมใจเก็บขยะบนเกาะเหลาเหลียง
นายทวี กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีตนได้ร้องต่อกกต.ให้ดำเนินคดีกับนายชวน และ นายสาทิตย์ เช่นกันนั้น เรื่องที่ตนได้ร้องเรียนไปนั้น จริงๆตนเป็นคนให้อภัยคนอื่นเสมอ แต่มันหลายครั้งหลายคราเหลือเกิน ไปทุกเวที ด่าแบบสาดเสียเทเสียตนทุกเวที แล้วด่าตนมาก่อนหลายปีแล้ว ขุดเรื่องเก่ามาด่า มากมายจิปาถะ ทีผ่านมาตนก็ไม่เคยถือสา แต่คราวนี้ทนไม่ไหวจริงๆ ตนจึงได้ฟ้องร้อง แต่ได้ข่าวว่าผู้ถูกร้องได้ขอเลื่อนนัดเข้าให้การต่อกกต.มา 3-4 ครั้งแล้ว แต่เรื่องนี้ตนไม่ได้สนใจติดตามเลย พอร้องกกต.ไปแล้ว ก็แล้วแต่กกต.จะดำเนินการ เมื่อกกต.มีคำวินิจฉัยตัดสินออกมา ไม่ว่าจะเป็นแนวทางใด ตนก็ยอมรับไม่มีปัญหา แต่จนขณะนี้กกต.ก็ยังไม่ได้เรียกตนไปให้การแต่อย่างใด
นายทวีกล่าวถึงการทำงานนำหน้าที่ส.ส. ว่า การลงพื้นที่ของตนก็ยังมีเหลือเดิม ไปพบปะพี่น้องประชาชน งานบุญ งานการกุศล งานศพ ยกเว้นการประสานหน่วยราชการ เพราะกกต.มีกฎห้ามไว้ ยอมรับว่าทำให้ส.ส.ทำงานลำบากขึ้นกว่าในอดีต เช่นตอนที่ตนเป็นส.ส.สมัยแรก รัฐบาลมีงบให้ส.ส.คนละ 25 ล้านบาทนำไปพัฒนาท้องถิ่นตัวเองได้ง่ายสำหรับแผนงานโครงการขนาดเล็กที่จำเป็นเร่งด่วน ทุกวันนี้เมื่อพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน เราก็ทำได้เพียงประสานงานความช่วยเหลือ และใช้เงินส่วนตัวเงินพรรคพวกเพื่อนฝูงมาช่วยแก้ปัญหาตามที่กฎหมายกำหนด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: