แห่เข้าโรงรับจำนำก่อนเปิดเทอมนำทองรูปพรรณแถมยังมีครกหินและผ้าไหมนำเงินไปหมุนซื้อเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนให้ลูก
เวลา 11.00 วันที่ 26 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวๆได้ไปยังสถานธนานุบาลหรือโรงรับจำนำของเทศบาลเมืองอุทัยธานี ถนนท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี นางสาวพิชญา ทิพยวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการสถานธนานุบาล เปิดเผยว่าในช่วงนี้นั้นมีผู้ปกครองแห้นำทองรูปพรรณส่วนใหญ่จะเป็นสร้อยคอมาจำนำกันเยอะโดยจะรับจำนำไว้บาทละ 30,000 บาท ซึ่งก็มีประชาชนนั้นนำทองมาจำนำกันอย่างต่อเนื่องทั้งวันในช่วงใกล้จะเปิดเทอมหรือเปิดเรียนและในช่องนี้นั้นทางสถานธนานุบาลนั้นได้เตรียมงบประมาณสำรองไว้จำนวน 50 ล้านบาทและดอกเบี้ยนั้นคิดร้อยละ 1 บาทและผู้ที่นำของมาจำนำไม่เกิน 5,000 ก็คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 สตางค์โดยมีกำหนดระยะเวลา 4 เดือน 30 วันของแต่ละประเภทที่นำมาจำนำไว้ ซึ่งไม่เพียงแต่เปิดเทอมเท่านั้นเพราะเทศกาลสงกรานต์นั้นเพิ่งจะสิ้นสุดลงไปแต่ละครอบครัวนั้นเงินก็ขาดมือกันนั่นเอง
ขณะเดียวกันนางสาวพิชญายังเปิดเผยอีกว่านอกจากทองคำซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาจำนำแล้วแล้วยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ เช่นเครื่องเสียง ลำโพง เครื่องซักผ้า ผู้เย็น และที่เป็นของติดครัวไว้ทำน้ำพริกอย่างเช่น ครกหินอ่างศิลาก็ยังมีคนนำมาจำนำอีกด้วยซึ่งอย่างน้อยก็เป็นการแก้ขัดนำเงินไปหมุนก่อนนั่นเองไม่เพียงแค่นั้นยังมีผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังของอำเภอบ้านไร่ที่บางผืนนั้นมีราคากว่า 10,000 บาทขึ้นไปจนถึงหลัก 60,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ที่สวมใส่และส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีฐานะสะสมไว้เพื่อสวมใส่เพราะมีราคาค่อนข้างแพงและต้องใช้เวลาในการทอนานบางทีเป็นปีเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังมีคนนำมาจำนำไว้เช่นเดียวกับของอย่างอื่นอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศในสถานธนานุบาลหรือโรงรับจำนำของเทศบาลเมืองอุทัยธานีนั้นจะมีประชาชนทยอยเข้ามาใช้บริการกันทั้งวันในช่วงนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: