ชัยภูมิ – “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นำคณะกระทรวงแรงงานหนุนร่วมลงบันทึกข้อตกลงกลุ่มมิตรผล ยกระดับการบริหารแรงงานที่ดีตามมาตรฐานสากล (GLP) ป้องกันค้ามนุษย์ ยกระดับรายได้ ให้ประโยชน์ลูกจ้างที่ยั่งยืน ในเครือข่ายกลุ่มมิตรผลที่มีสถานประกอบกิจการในประเทศไทยทั้งหมด รวมกว่า 26 แห่ง ต่อยอดการยกระดับมาตรฐานการจ้างแรงงานมากกว่า 14,267 คน
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำทีมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายอนันต์ นาคนิยมผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และคณะหัวหน้าส่วนทุหหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และเยี่ยมชมภายใน บริษัท รวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จำกัด (โรงงานน้ำตาลมิตรผลภูเขียว) จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพแรงงานในทุกพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมบันทึกข้อตกลง(MOU)ร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มมิตรผล ช่วยยกระดับการบริหารแรงงานในพื้นที่ ด้วยแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP)
โดย นายพิพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับศักยภาพของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมหลักการและสิทธิพื้นฐานในการทำงาน กระทรวงแรงงาน ได้นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) มาเป็นแนวทางและส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการนำไปใช้ในการบริหารด้านแรงงาน เพื่อให้แรงงานได้รับการคุ้มครองสิทธิในให้ครอบคลุมทุกมิติต่าง ๆ ทั้งในด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การเลือกปฏิบัติ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้านแรงงาน
และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น รองรับการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งในการมาครั้งนี้ขอชื่นชมกลุ่มมิตรผล ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพแรงงาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันพัฒนาด้านแรงงานที่มีคุณภาพของไทยได้เพิ่มมากขึ้น
ในการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยการแสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริม สนับสนุน ให้สถานประกอบกิจการ ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปใช้บริหารจัดการแรงงาน ถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ให้แก่สถานประกอบกิจการอื่นได้ต่อไป
ด้าน นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ระหว่างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกลุ่มมิตรผล ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ในวันนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ผลักดันให้สถานประกอบกิจการทุกประเภท ทุกขนาด นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงสภาพการจ้างและสภาพการทำงานให้สอดคล้องกับกฎหมาย และสามารถพัฒนาให้มีระบบบริหารจัดการแรงงานที่ดีเทียบได้กับมาตรฐานแรงงานสากลมาโดยตลอดในครั้งนี้ด้วย
และมีความมุ่งมั่นในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่มมิติการแข่งขันในภาคธุรกิจ ปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการทั่วประเทศนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปใช้แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 28,026 แห่ง มีลูกจ้างได้รับประโยชน์ จำนวน 2,048,650 คน โดยมุ่งหวังว่าการลงนามในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีลูกจ้างได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 14,267 คน อันจะส่งผลให้มีลูกจ้างที่สามารถเป็นแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลอดจนขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี จากการใช้แนวการปฏิบัติการใช้แรงงานที่ถูกต้อง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังให้แรงงานในประเทศไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป
ขณะที่ นายวีระเจตน์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจน้ำตาลประเทศไทย พลังงาน และธุรกิจใหม่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “กลุ่มมิตรผล ดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ธุรกิจน้ำตาล พัฒนาสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน (ไฟฟ้าชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และเอทานอล) ธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย ธุรกิจไบโอเบส ธุรกิจด้านการขนส่งและคลังสินค้า ปัจจุบันกลุ่มมิตรผลมีสถานประกอบกิจการในประเทศไทย รวมจำนวน 26 แห่ง มีการจ้างงานมากกว่า 14,267 คน โดยกลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญและเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย และหลักสากล ตลอดทั้ง Value Chain ของเรา ตั้งแต่พนักงาน เกษตรกร ลูกค้า พันธมิตรทางการค้า ชุมชน และสังคม ในวันนี้ กลุ่มมิตรผลมีเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะร่วมส่งเสริม สนับสนุนให้สถานประกอบกิจการในกลุ่มมิตรผลนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) มาใช้ในการบริหารจัดการแรงงาน ให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ทั้งสุขภาพกายและใจ ได้รับการพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ มีความก้าวหน้าในอาชีพ และสร้างการเติบโตให้บุคลากร องค์กร และประเทศต่อไป
