ทุกครั้งก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการของพูดคุยเพื่อสันติสุขและการประชุมทางเทคนิคที่จะหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงหรือฟื้นฟูสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ทุกครั้งจะต้องมีการโจมตีด้วยระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว
การโจมตีครั้งล่าสุดที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้รับบาดเจ็บ 4 นาย และเกิดระเบิดอย่างน่าสยดสยอง รวมทั้งเสียงปืน “ผ่าน” ชายแดนมาเลเซีย-ไทย จนกระทั่งชาวบ้านในรัฐกลันตันได้ยินเสียงปืนและระเบิดในเหตุการณ์ครั้งนั้น
คําถามคือใครเป็นการกระทำ? เป็นการกระทำที่รุนแรงของแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) หรือมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีอำนาจมากกว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยหรือไม่? นี่เป็นเพราะบีอาร์เอ็นเป็นผู้เล่นหลักในการเจรจาสันติภาพโดยอ้างว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
หากพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจริง ๆ เหตุใดการโจมตีที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการโจมตีต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นก่อนการเจรจาพูดคุยครั้งต่อไป รัฐบาลไทยและมาเลเซียในฐานะผู้อํานวยความสะดวกควรทบทวนหรือตรวจสอบให้ละเอียดยิ่งขึ้นว่าดบีอาร์เอ็นนั้น
จริง ๆ แล้วเป็นฝ่ายที่ถูกต้องที่นํามาพูดคุยบนโต๊ะพูดคุยหรือยังมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอื่น ๆ ที่ควรเข้าร่วมในการเจรจาพูดคุย
แต่หากการโจมตีถูกบงการโดยทัศนคติ “สองหน้า” ของบีอาร์เอ็น ก็หมายความว่าบีอาร์เอ็นไม่สนใจที่จะแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยบนโต๊ะเจรจาพูดคุย เป็นเพราะทัศนคตินี้เองที่ทำให้กระบวนการเจรจาพูดคุยสันติสุขหรือการประชุมพูดคุยทั้งหมดที่มีขึ้นล้มเหลวจนกระทั่งตอนนี้ใช้เวลานานถึง 14 ปีแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างจากแหล่งข่าวบางแห่งว่า ผู้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะเจรจาพูดคุยที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มบีอาร์เอ็นและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้นไม่ได้รับการรับรองจากกลุ่มนักสู้ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการโจมตีกองกําลังความมั่นคง
ซึ่งหมายความว่าบีอาร์เอ็นที่มาเจรจาบนโต๊ะเจรจานั้นยังไม่ได้รับการรับรองให้นําอาณัติใด ๆ มาให้หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างปาตานีรายาขึ้นมาเป็นอิสระ
คํากล่าวอ้างนี้เป็นความจริงเพราะในการประชุมฝ่ายเทคนิคครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 เมษายน ตัวแทนของบีอาร์เอ็นไม่ได้เข้าร่วมโดยบุคคลจากปีกฝ่ายทหาร นี่คือเหตุผลและการให้คําตอบสำหรับความขัดแย้งหรือการโจมตียังคงเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
*อย่าปล่อยให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนใช้มาเลเซียเป็นที่หลบซ่อน*
ในเมื่อได้เกิดข้อสงสัยเหล่านี้ จึงเป็นการถูกต้องแล้วที่มาเลเซียได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดที่พรมแดนหลังจากเหตุการณ์ล่าสุดที่ อ.สุไหงโก-ลก เห็นได้ชัดว่าแม้ จะมีโต๊ะเจรจาพูดคุยเพื่อสันติสุข แต่ความรุนแรงยังคงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (PDRM) ยืนยันอย่างหนักแน่นที่จะใช้รถหุ้มเกราะ AFV Commando V150 เพื่อกระชับการควบคุมชายแดนของประเทศอย่างเข้มข้นหลังเกิดเหตุนั้นนับว่าเป็นดำเนินที่ถูกต้องแล้ว
ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้นําหรือสมาชิกของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยายามทำให้มาเลเซียเป็นสถานที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาที่หลบหนีหรือลี้ภัยหลังจากก่อความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
มาเลเซียต้องรักษาหลักการที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับประเทศในอาเซียน ความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเป็นปัญหาภายในของประเทศที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ทางการไทยมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาสันติภาพและปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนของประเทศ ในขณะที่มาเลเซียในฐานะประเทศที่มีพรมแดนติดกัน เพียงแต่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย “จะไม่ลุกลาม” เข้ามาประเทศของเรา
ความหมายคือ “จะไม่ลุกลาม” เมื่อกลุ่มก่อความไม่สงบบางกลุ่มรู้สึกว่ามาเลเซียเป็นสถานที่ปลอดภัยในการแสวงหาที่หลบภัย โดยการตีความว่าผู้คนในประเทศนี้ โดยเฉพาะชาวมุสลิมจะเห็นอกเห็นใจกับการต่อสู้ของพวกเขา
ตามความเป็นจริงแล้วความรู้สึกเห็นอกเห็นใจนั้นมันไม่เกิดขึ้น เพราะความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยแตกต่างจากความขัดแย้งระบอบไซออนิสต์ที่เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ หรือความขัดแย้งของชุมชนมุสลิมโรฮิงญาในประเทศเมียนมา
ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลไทยได้เปิดการเจรจาพูดคุยที่อย่างกว้างขวางกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เพื่อให้มาเลเซียเป็นคนกลางหรือเป็นผู้อํานวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้
หากรัฐบาลไทยไม่จริงใจก็มั่นใจว่า เขาจะไม่เลือกแนวทางการเจรจาพูดคุยดังกล่าวด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่มาเลเซียผ่านกองกําลังความมั่นคงจะกระชับการควบคุมอย่างเข้มข้นที่ชายแดนมาเลเซีย-ไทย
มาเลเซียไม่สามารถประนีประนอมกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใด ๆ นับประสาอะไรกับกลุ่มความก่อความไม่สงบ ที่มีความตั้งใจจะใช้ประเทศมาเลเซียเป็นที่หลบซ่อน หากความขัดแย้งยังมีความรุนแรงและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ดังนั้นการปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มเหล่านั้นที่พักพิงบริเวณชายแดนควรดำเนินการอย่างเด็ดขาด
บุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยควรถูกจับกุมและส่งมอบให้กับทางการไทย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปล่อยกลุ่มเหล่านี้พักพิงอยู่ในประเทศนี้ เพราะเปรียบเสมือนการเก็บระเบิดเวลาที่ไม่สักวันหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ แต่ที่ความสำคัญมากกว่านั้นคือเป็นการ “เชิญชวน” หายนะต่อความมั่นคงของมาเลเซียที่ โดยเฉพาะในพื้นชายแดน………
https://utusantv.com/2024/05/07/serangan-bom-di-sungai-golok-bukti-brn-tiada-kawalan-ke-atas-puak-pemisah/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: