สิ้นลายเพราะโซเชียล ตำรวจบางพลีตามรวบแก๊งเด็กช่าง ดักขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบรถจักรยานยนต์วัยรุ่นชาวกัมพูชาก่อนจะเรียกให้จอด แล้วจะชักมีดดาบออกมาข่มขู่เพื่อชิงทรัพย์เอาเสื้อนักเรียนและหัวเข็มขัดวัยรุ่นกัมพูชา หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้นำของที่ได้ไปนั้นถ่ายรูปโชว์ในเฟซบุ๊ก เพื่อประกาศศักดิ์ดา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเห็นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและเสนอขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบกระทั่งพบตัวและยังตรวจยึดปืนเพิ่มอีกสองกระบอก ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ไปตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากที่ฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ามีกลุ่มเยาวชนต้องสงสัยที่ไปลงมือก่อเหตุใช้อาวุธมีดขี่รถจักรยานยนต์ประกบวัยรุ่นชาวกัมพูชาก่อนจะปล้นเอาเสื้อคล้ายเด็กช่างและหัวเข็มชัดจากผู้เสียหายไป ซึ่งผู้เสียหายคือ เยาวชนชาวกัมพูชา อายุ 15 และ 17 ปี หลังก่อเหตุเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี เหตุเกิดช่วงเช้าของวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา พอผู้เสียหายไปแจ้งความ ฝ่ายสืบสวนจึงแกะลอยและสืบสวนจนกระทั่งทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรายนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าค้นบ้านพักเป้าหมายกะทั่งพบตัว เยาวชนอายุ 16 และ 17 ปี อยู่ในห้องพัก ซึ่งจากการตรวจค้นก็พบของกลางคือ เสื้อนักเรียนช่าง สองตัว หัวเข็มขัด ที่ตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ นอกจากนั้นยังค้นพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ดัดแปลง อีกสองกระบอก ตำรวจจึงเชิญตัวและสอบขยายผลจนตามไปรวบตัวเพื่อนร่วมแก๊งได้อีกสองคน คือเยาวชนอายุ 17 ปี และ นายธนากร หรือหนุ่ม อายุ 20 ปี ซึ่งถูกซัดทอดว่าร่วมกันก่อเหตุในวันดังกล่าว
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มเยาวชนเด็กช่างกลุ่มนี้ ช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ขณะพากันขับขี่รถมาตามทางบนถนนในซอยแสนสุข ในตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี แล้วไปเจอกับ สองเยาวชนกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย จึงใช้รถจักรยานยนต์ปาดหน้าประกบเรียกให้จอดก่อนจะใช้มีดดาบที่พกติดตัวมากนั้น ชักขึ้นมาข่มขู่เพื่อชิงทรัพย์เอาเสื้อนักเรียนและเข็มขัดของผู้เสียหายไป ก่อนจะพากันแยกย้ายหลบหนี ซึ่งพอผู้เสียหายมาแจ้งความและรายงานเรื่องที่ตนเอง ตนเองจึงสั่งการให้รองผู้กำกับสืบสวนและสารวัตรสืบสวนไปเร่งติดตามตัว จนกรทั่งทราบตัวหนึ่งในผู้ก่อเหตุ นอกจากนั้นฝ่ายสืบสวนยังไปพบว่าหนึ่งในผู้ก่อเหตุยังนำทรัพย์สินที่ปล้นมาได้นั้น ถ่ายรูปโชว์โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อประกาศศักดิ์ว่าตนเองเก่งปล้นเสื้อและเข็มขัดมาได้ จึงให้รวบรวมพยานหลักฐานและเสนอขอหมายค้นเข้าตรวจสอบกระทั่งพบตัว และยังตรวจยึดอาวุธปืนเพิ่มอีกสองกระบอก ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและยานพาหนะเพื่อสะดวกต่อการก่อเหตุและหลบหนี ร่วมกันมีอาวุธปืนผิดกฎหมายเอาไว้ในความครอบครอง โดยจะนัดสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
