ภูเก็ต ดีเอสไอ ผนึกกำลัง ตม.-ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจค้นบริษัทนอมินี 3 แห่ง เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงธุรกรรมการเงิน ดูแลอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านอาหารให้ชาวต่างชาติ คาดว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 67 ที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว เพื่อวางแผนเข้าค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่ภูเก็ต ที่เป็นบริษัทนอมินี ของชาวต่างชาติ ที่มีการกระทำความผิด แต่เปิดกิจการบังหน้าเอาไว้
ซึ่งทางนายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวในที่ประชุมว่า ในวันนี้เป็นการปฎิบัติการที่ใช้หน่วยร่วมกัน ในการเข้าปฎิบัติต่อเป้าหมายจำนวน 3 จุด ที่มีหมายค้น ซึ่งสิ่งที่ปฎิบัติในวันนี้ เป็นการดำเนินการในตัวกลุ่ม กับคนที่เป็นตัวกลาง ในเรื่องของการไปดำเนินการจดทะเบียนให้กับต่างชาติ จึงต้องใช้ภาพของการทำงานที่กระทบต่อประเทศเป็นหลัก การดำเนินการโดยกฎหมายยุติคนต่างชาติ ว่าจะทำอย่างไรให้ใช้กฎหมายฉบับนี้ ไม่ให้มีผลกระทบต่อการลงทุน แต่ทำให้เป็นในเชิงบวก ถือว่าการบังคับใช้กฎหมาย ต้องการดึงคน ดึงนักลงทุนที่ดีเข้ามาในประเทศ แต่นักลงทุนที่มาแล้ว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และเกิดความเสียหาย ก็ไม่ควรให้ความสำคัญ และพื้นที่ภูเก็ตเป็นพื้นที่สำคัญ
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังเป้าหมายทันที โดยได้แบ่งกำลังกระจายเข้าตรวจค้นบริษัทเป้าหมายพร้อมกัน ทั้ง 3 แห่ง มีรูปแบบในการทำเอกสารดำเนินความสะดวกให้กับต่างชาติชาว รัสเซีย ปากีสถาน อินเดีย รวมทั้ง ร้านอาหาร เส้นทางการเงิน 200-300 ล้าน
ซึ่งทางผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ บอกว่า ในวันนี้ลงพื้นที่ตรวจค้นตามหมายค้น 3 จุด คือสำนักงานของบริษัท ภูเก็ต เบสท์ และฝั่งตรงข้ามอีกจุดหนึ่ง และอีกจุดคือที่บ้าน ที่ในครั้งนี้มีหน่วยภาคีร่วม ทั้งกรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูเก็ต สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่มุ่งเน้นในการจัดเก็บข้อมูล เพื่อนำข้อมูลไปดำเนินการในความผิดเกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการของคนต่างด้าว สำหรับบริษัทแห่งนี้ ทางดีเอสไอ ได้ตั้งเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีข้อมูลทางการเงินหลักๆ สองกลุ่มคือ กลุ่มยุโรป คือรัสเซีย อีกกลุ่มคือ กลุ่มปากีสถาน และอินเดีย ซึ่งธุรกิจในกลุ่มนี้ทั้งหมดจะมีในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม ส่วนใหญ่ของกลุ่มรัสเซีย ส่วนกลุ่มปากีสถานและอินเดีย จะเน้นในเรื่องของร้านอาหาร ส่วนคนไทยที่เข้าไปมีส่วนร่วมนั้น มีเพียงไม่กี่คน ที่อยู่ในสำนวนแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: