วันที่ 9 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายเน้นหนักของเรื่องการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ,พลตำรวจเอกกิตดิ์รัฐ พันเพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พลตำรวจตรีกิตติศักดิ์ ปลาทอง ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ,พันตำรวจเอกคณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ,พันตำรวจเอกวุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการดำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 , พันตำรวจโทธนพล ท้าวหนู รองผู้
กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 โดยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 เวลา 10.45 น. พลตำรวจโทยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พลตำรวจตรีกิตติศักดิ์ ปลาทอง ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 , พันตำรวจเอกคณิต กลิ่นสรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ,พันตำรวจเอกวุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 , พันตำรวจโทธนพล ท้าวหนู รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 ,พันตำรวจโทเรวัฒ จำปาน ผู้บังคับกองร้อยดำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ได้ร่วมจัดแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมยาบ้า กว่า 336,000 เม็ด ณ กองร้อยตำรวจ
ตระเวนชายแดนที่ 237 บ.นาเพียง ต.ไขยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 15.00 น. ร้อย ตชด.237 ได้รับแจ้งจาก สายลับว่าในช่วงเวลา 18.00 – 21.00 น. กลุ่มลักลอบค้ายาเสพติด (ยาบ้า) ได้นัดส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณริมถนนหลวงหมายเลข 212 บ้านพนอมเหนือ ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และร่วมกันประชุมวางแผนจับกุม หลังจากการประชุมเสร็จจึงได้นำกำลังเข้าพื้นที่กระทั่งเวลาประมาณ 19:45 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์แบบแต่งเสียงดัง จำนวน 3 คัน จำนวน 6 คน บนถนนหลวงหมายเลข 212 มุ่งหน้าไปทางฝั่งขาเข้า อ.ท่าอุเทน พอถึงบริเวณที่เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นได้จอดรถจักรยานยนต์ และได้ทิ้งสิ่งของบางอย่างลง และชับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อว่าน่าจะเป็นยาเสพติดตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับจึงได้วางกำลังดักชุ่มต่อไป
กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู ทะเบียน กข 5528 บึงกาฬ แล่นมาจอดตรงจุดที่กลุ่มวัยรุ่นทิ้งสิ่งของลง และมีชายหนึ่งคนลงจากรถฝั่งผู้โดยสารเดินลงไปยกกระสอบ จำนวน 1 กระสอบ ขึ้นรถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็วและทิ้งกระสอบลง เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้น ชิด จนรถผู้ต้องหาเสียหลักพลิกคว่ำ เจ้าหน้าที่จึงสามารถควบคุมตัวไว้ได้และสอบถามทราบชื่อภายหลัง คือ นายสุเทพ สาที นายสุนทร สมรฤทธิ์ จากนั้นได้ขอทำการตรวจคันตัวและรถยนต์ของผู้ต้องหา ผลการตรวจค้นไม่ พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาไปยังจุดที่ทิ้งกระสอบต้องสงสัยลง ผลการตรวจสอบ พบเป็นยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 1 กระสอบ และพาตัวไปยังจุดที่กลุ่มวัยรุ่นทิ้งสิ่งของบางอย่าง จากการตรวจสอบพบเป็นยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 1 กระสอบ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของตนเองจริงและจะนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ตอนใน โดยรับสารภาพว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ในครั้งนี้ได้รับค่าจ้าง 40,000 บาท ร.ต.อ.จรณ์ แก้วคำแสน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินคดี และดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า ที่บึงกาฬ หนองคาย ตรวจยึดยาไอซ์ได้ พร้อมผู้ต้องหา เป็นการขยายผลต่อเนื่อง ฐานข้อมูล แหล่งข่าว ไปจากชาวบ้านช่วงฤดูแล้ง น้ำลด เป็นจุดพักยา ชาวบ้านออกไปทำการเกษตรที่ริมแม่น้ำโขง สร้างมวลชนไว้ บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ตำรวจภูธร ตชด. ทหาร กกล.สุรศักดิ์มนตรี มีการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอด โดยแบ่งอัตรากำลังเป็นพื้นที่ บูรณาการงานร่วมกัน เมื่อคืนที่ สกลนคร จับได้ สองล้านกว่าเม็ด โดยการบูรณาการเรื่องการข่าว มาตร 31 ส.ค. ต้องปราบปรามยาเสพติดให้หมดไป คือนโยบายรัฐบาล สั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทุกหน่วยงานเร่งระดม ตั้งแต่รายย่อย กี่เม็ดก็ต้องกวาดล้างให้หมด ไปจากจุดเล็ก สู่จุดใหญ่ ช่วงนี้ตั้งข้อสังเกตว่า แต่ละปี ตามแนวแม่น้ำโขง ที่เกษตรกรปลูกไว้ เป็นพงหญ้า ถ้าพื้นที่ไหนมีพื้นที่มาก ๆ ก็จะมีการหลบหลีก เมื่อก่อนขึ้นที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานีเยอะ มามุกดาหาร ธาตุพนม จ.นครพนม อ.ท่าอุเทน นครพนม ไปที่ จังหวัดเลย วางแผนคือให้ความสำคัญทุกจุด โดยใช้ระดมกำลังพล ของ ตชด.และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ สิ่งสำคัญคือ ความร่วมมือกับประชาชน โดยเฉพาะ ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับลูกหลาน ดูแลพฤติกรรม ในส่วนฝ่ายปกครอง งานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ยิ่งปราบ ยิ่งเยอะ ประชาชนมีส่วนสำคัญที่ให้ข้อมูล สกัดตามแนวชายแดน สังเกตว่า มาจากประเทศเพื่อนบ้าน การมีชุมชนเข้มแข็งถือว่ามีความสำคัญ ให้ความร่วมมือ บางทีเจ้าหน้าที่อย่างเดียว ก็ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง
