ฉะเชิงเทรา – ห่วงแรงงานกลุ่มออโตโมทีฟกว่า 3.9 หมื่นคนใน 137 สถานประกอบการที่แปดริ้วกระทบ หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในหดตัว ยอดขายลดวูบลงต่ำเกินกว่าครึ่ง เหตุผู้คนเริ่มหันไปสนใจใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทดแทนเพิ่มมากขึ้น ด้านสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานฉะเชิงเทราเผย ปี 2567 เริ่มมีแรงงานถูกนายจ้างบอกเลิกจ้างแล้วรวม 104 คนในโรงงานผลิตหลอดไฟ LED
วันที่ 7 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก นางสุวรรณา ขันติวิศิษฎ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ฉะเชิงเทราว่า ในวันนี้เวลา 15.00 น. ได้นัดตัวแทนฝ่ายนายจ้างโรงงานผลิตหลอดไฟฟ้าแอลอีดีรายหนึ่ง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิติ้ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ให้เดินทางมาเจรจาและให้ข้อเท็จจริงจากทางฝ่ายนายจ้าง หลังจากทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (สร.) จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับคำร้องเรียนจากลูกจ้างของสถานประกอบการแห่งนี้จำนวน 98 คนจาก 104 คนที่ถูกบอกเลิกจ้างงาน
แต่ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยจากการบอกเลิกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งที่หลังการบอกเลิกจ้างอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ตามที่ฝ่ายนายจ้างได้ตกลงว่าจะจ่ายเงินตามมาตรา 75 ซึ่งเป็นค่าทดแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยในวันที่ 30 พ.ค.67 แต่เมื่อถึงวันกำหนดนัดแล้ว ทางฝ่ายนายจ้างยังไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ทางฝ่ายลูกจ้างรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,570,059 บาท
จึงทำให้ฝ่ายลูกจ้างได้รับความเดือดร้อนไม่มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าผ่อนสินค้าและยานพาหนะ ได้พากันเริ่มทยอยเข้ามาพบพนักงานตรวจแรงงาน ยังที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อยื่นคำร้องทุกข์ (คร.7) เมื่อวันที่ 31 พ.ค.67 จำนวน 47 คน และได้มีแรงงานทยอยยื่นคำร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องผ่านทั้งทางระบบออนไลน์และทาง สร.ในต่างจังหวัดตามภูมิลำเนา เช่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา ทั้งยังเข้ามายื่น คร.7 ด้วยตนเองยังที่ สร.ฉะเชิงเทราเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
รวมขณะนี้ 98 คนแล้วในวันนี้ ที่ผ่านมาทาง สร.ฉะเชิงเทรา ได้ออกหนังสือเชิญพบนายจ้างให้เดินทางมาในวันนี้ (7 มิ.ย.67) เวลา 15.00 น. แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายนายจ้างยังไม่เดินทางมาพบ เพื่อให้ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องทุกข์ โดยที่ทางฝ่ายนายจ้างได้ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานตรวจแรงงานไปเป็นวันที่ 13 มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. โดยระบุว่าเอกสารเกี่ยวกับแรงงานที่มีจำนวนมากยังไม่พร้อม
ซึ่งหากทางฝ่ายนายจ้างยังไม่เดินทางมาพบพนักงานตรวจแรงงานอีกรวม 2 ครั้ง ทางสำนักงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา จะดำเนินการพิจารณาออกคำสั่งแต่เพียงฝ่ายเดียว ให้ฝ่ายนายจ้างต้องจ่ายเงินตามมาตรา 75 และค่าชดเชยให้แก่ฝ่ายลูกจ้างตามจำนวนเงินดังกล่าวทั้งหมดต่อไป นางสุวรรณา กล่าว
และยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา กำลังจะมีกลุ่มแรงงานที่เข้าข่ายเปาะบางและมีโอกาสเสี่ยงที่อาจจะถูกเลิกจ้างได้ในอนาคตอีก ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมออโตโมทีฟ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งมีจำนวนมากถึงกว่า 39,321 คนจากสถานประกอบการ 137 แห่ง โดยเป็นแรงงานชาย 23,906 คนเป็นแรงงานหญิง 15,415 คน เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในมีการเติบโตลดลงและหยุดชะงัก โดยคนในสังคมส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นแล้ว นางสุวรรณา ระบุ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจากทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา อีกว่า สำหรับสถานประกอบการที่ได้มีการบอกเลิกจ้างแรงงานจำนวน 104 คนในครั้งนี้ เป็นสถานประกอบการของนักลงทุนชาวจีนที่ถือหุ้นร่วมกับคนไทย มีพนักงานทั้งหมดจำนวน 224 คนเป็นแรงงานชาย 67 คนหญิง 157 คน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ได้เข้ามาก่อตั้งโรงงานในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด 19 ระบาด พนักงานส่วนใหญ่จึงมีอายุงานไม่มากนัก เฉลี่ยเพียงประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น โดยสาเหตุของการบอกเลิกจ้างแรงงานนั้น เกิดจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงได้ปรับลดอัตรากำลังพนักงานลงอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง นับตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค.67 ที่ผ่านมาจนถึงเดือน พ.ค.67 นี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: