ฉะเชิงเทรา – ลุงทักหลาน เป็นเรื่องหลังโซเชียลกระพือเป็นข่าวรถตู้จับเด็ก ทำสื่อใหญ่หลายสำนักตกเป็นเหยื่อ ช่วยเผยแพร่ข่าวลวงต่อออกไปในระดับประเทศ สุดท้ายเจ้าตัวออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงโรงพัก วอนสังคมหยุดมือไวให้กลั่นกรองข้อเท็จจริงจนแน่ชัดก่อนสะพัดออกสู่โลกภายนอกชี้ทำกินนอนไม่หลับจนต้องออกมาแสดงตนในวันนี้
วันที่ 20 ธ.ค.61 เวลา 09.30 น. ที่ สภ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา นายพิทักษ์พงษ์ มณีสุข อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/6 ม.2 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของรถตู้รับส่งนักเรียน ที่เข้าไปกลับรถที่บริเวณปากทางเข้าประตูโรงเรียนบ้านคลอง 18 และถูกสังคมโซเชียลนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าประตูโรงเรียนไปเผยแพร่ก่อนที่จะมีสื่อใหญ่หลายสำนักนำไปเสนอเป็นข่าวขยายต่อไปทั่วประเทศว่าเป็นรถตู้จับเด็กนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
- ปราจีนบุรี ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นปันน้ำใจ ฉะเชิงเทรา-หนองคาย
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
ได้กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากตนตกเป็นข่าวทำให้กิน และนอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน ในวันนี้จึงได้ออกมาแสดงตนต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เกิดความสบายใจ และมีความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นหลังจากตนขับรถรับส่งนักเรียนจาก 4 โรงเรียนในตัวเมืองฉะเชิงเทรา (ร.ร.พุทธโสธร, เทพประสิทธิ์,วัดเมือง และดัดดรุณี) และส่งนักเรียนคนสุดท้ายที่บริเวณใกล้กับหน้าประตูโรงเรียนจึงได้เข้าไปถอยกลับรถที่ปากทางเข้าโรงเรียน
ซึ่งปกติตนก็จะเข้าไปกลับรถอยู่ทุกๆ วันอยู่แล้ว ในเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. จึงอยากฝากบอกไปถึงยังผู้ที่เผยแพร่ข่าวและคนในสังคมโซเชียลว่าก่อนที่จะทำการเผยแพร่อะไรออกไปนั้นให้กลั่นกรองให้ดีเสียก่อน เพราะอาจทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบจนเกิดความเสียหายและเสียภาพพจน์ โดยเฉพาะตนเองนั้นมีอาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียนอยู่ด้วย จึงทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับตนเอง
โดยในวันเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังขับรถนั้น ได้เปิดกระจกฝั่งคนขับออกเพื่อสูบบุหรี่ และเห็นหลานสาวซึ่งเป็นบุตรของญาติโดยตนมีศักดิ์เป็นลุงปั่นจักรยานมา จึงได้ร้องทักว่ากลับบ้านด้วยกันไหม ไปไหม โดยพูดย้ำอยู่สองครั้ง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเด็กอาจจะจำตนไม่ได้ เนื่องจากใกล้จะมืดค่ำแล้ว และตนไม่ได้เปิดกระจกอีกด้านหนึ่งด้วย ทั้งรถของตนนั้นยังติดฟิล์มดำทึบจนเด็กอาจจำไม่ได้ นายพิทักษ์พงษ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: