สาวตาบอดลั่นระฆังขอความเป็นธรรม โอดร้องผู้ว่าฯ ไม่มีเงินเสียค่าปรับ 2 หมื่นบาท จัดหางานยืนยันทำตามกฎมาย
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 นางสาว จิตรานุช จันทวงศ์ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดมุกดาหาร อาชีพรับนวดเพื่อสุขภาพ ถูกเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดนครพนม ปลอมตัวเป็นลูกค้าเข้ามาล่อซื้อ แล้วจับตัวดำเนินคดี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยแจ้งข้อหาชาวลาวสองคนว่า เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ 1 ในนั้น นางสาวจิตรนุชอ้างว่าเป็นแฟน โดนเปรียบเทียบเสียค่าปรับคนละ 5 พันบาท และถูกส่งกลับ สปปป.ลาว ไปแล้ว ส่วนนางสาวจิตรานุช ถูกปรับเป็นเงิน 2 หมื่นบาท
ล่าสุด วันที่ 25 มิ.ย.67 เวลา 10.30 น.นางสาวจตรานุช จันทวงศ์ ได้เดินทางไปลั่นระฆังร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม มีนายไชยวุฒิ วัชเรนทร์สุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการศูนย์ดำรงธรรม รับเรื่องแทน
ผู้สื่อข่าวสอบถาม นางสาวจิตรานุช ว่าที่มาลั่นระฆัง หรือสั่นระฆัง ในครั้งนี้ เพื่ออะไร นางสาวจิตรานุช ตอบว่า มาขอความเป็นธรรมตนโดนจับ พร้อมแจ้งข้อหาชาวลาวสองคนว่า เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ น.ส.จุตรานุช กล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า หลังถูกจับกุม แฟนของตนและเพื่อน ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ เปรียบเทียบปรับ โดยเสียค่าปรับคนละ 5 พันบาท และถูกส่งกลับ สปปป.ลาว ในวันรุ่งขึ้น เรียบร้อยแล้ว ส่วนตน นั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนเป็นนายจ้างกระทำวามผิดฐานรับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีอัตราโทษปรับตามจำนวนแรงงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 2 หมื่นบาท โดยจะแจ้งกลับมาอีกทีว่าจะเสียค่าปรับโดยวิธีไหน ซึ่งหลังจากถูกจับตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากเงินคาปรับสองหมื่นบาทตนยังไม่รู้จะหามาจากไหน เพราะลำพังรายได้จากการนวด นอกจากจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนเองแล้วยังต้องส่งไปช่วยค่ายาให้แม่ ซึ่งป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง อีกเดือนละ 1,500 บาทตอนนี้ตนสับสนมากไม่รู้จะทำอย่างไร มีลูกค้าแนะนำให้ไปร้องเรียนกับสื่อมวลชนอาจจะช่วยได้ตนจึงมาร้องสื่อ ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่แรงงานที่จับกุมห้ามไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจึงเข้าร้องทุกข์กับนักข่าวโดยมีความหวังว่าอาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง ซึ่งความจริงแล้ว ที่ร้านตนมีเพียงตนคนเดียวเท่านั้นที่เป็นหมอนวด ไม่เคยจ้างลูกจ้างมาช่วยนวดเลย โดยเปิดรับนวดมาหลายปีแล้ว ซึ่งเจ้าของบ้านใจดีให้อยู่ฟรีโดยไม่เก็บค่าเช่าใด ๆ วันเกิดเหตุแฟนของตนซึ่งตาบอดและเป็นนักกีฬาทีมชาติลาวได้เดินทางมาเยี่ยมตนโดยมีเพื่อนซึ่งก็เป็นคนตาบอดด้วยเช่นกันมาเป็นเพื่อนพวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะมาทำงานที่นี่แต่อย่างใด ตอนนั้นเห็นว่ามีลูกค้ามาพร้อมกัน 4 ถึง 5 คน ก็อยากช่วยตนทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พอได้ค่าอยู่ค่ากิน ไม่คิดว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จัดหางานลาล่อซื้อบริการจนเสียเงินเสียทองเพิ่มมากมายขนาดนี้
ด้านนายไชยวุฒิ วัชเรนทร์สุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการศูนย์ดำรงธรรม หลังรับเรื่องแล้วได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมรับฟังปัญหาโดยมีหน่วยยุติธรรมจังหวัด มีหน่วยทางจัดหางานเข้ามาช่วยกันชี้แจงกับผู้ร้องขั้นตอนของผู้ร้องนั้นได้ผ่านการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และจัดหางานแล้ว ต่อไปก็จะเข้ากระบวนการให้ใจเย็นแล้วก็ไปให้การกับทางจัดหางานตามกระบวนการ ส่วนเรื่องการค่าปรับอะไรต่าง ๆ ก็สามารถคุยกันในชั้นกระบวนการของจัดหางานได้ก็อยากให้ผู้ร้องเรียนเข้าสู่กระบวนการนี้ก่อน คุยกันในชั้นกระบวนการของจัดหางานได้ มีอะไรก็สอบถามทางจัดหางานที่เป็นเจ้าของเรื่อ่งโดยตรง ในชั้นของศูนย์ดำรงธรรมเมื่อรับเรื่องแล้วก็ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยเพื่อชี้แจงให้ผู้ร้องเข้าใจเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจ่ายทันทีเพราะเรื่องนี้ ต้องหลังจากกระบวนการพูดคุยกันแล้วทางจัดหางานถึงจะแจ้งว่าจ่ายภายในกี่วัน หรือภายใน 30 วัน ที่จัดหางานเคยบอกไว้
ส่วน น.ส.สุมาลี คำโสมศรี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนมที่ลงพื้นที่วันเกิดเหตุด้วยในวันดังกล่าว ยังคงยืนยันเรื่องค่าปรับต้องเป็นไปตามกฎหมาย เบื้องต้นจะส่งเรื่องค่าเทียบปรับให้ทราบก่อน โดยจะให้ระยะเวลา 30 วัน ในการชำระค่าปรับ ถ้ายังไม่พร้อม ไม่เสียค่าปรับภายภายใน 30 วัน ก็จะเป็นตอนต่อไป จะเป็นเรื่องดำเนินการการทางคดีส่งไปที่ศาล ว่าจะเสียค่าปรับเท่าไหร่ อยู่ที่ดุลพินิจของศาล
ประเด็นเรื่องการทำงาน ทางจัดหางานไม่ได้มีข้อห้ามในส่วนของคนไทยคนไทยมีสิทธิ์ทำงานได้ตามปกติตามสิทธิเสรีภาพเปิดร้านทางแรงงานเราไม่เคยไปแทรกแซง จะไปห้ามไม่ให้ใครไปประกอบกิจการหรืออะไรใดๆไม่ใช่หน้าที่ส่วนถ้าเป็นไปตามกฎหมายอื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางหน่วยงานสำนักงานจัดหางาน แต่ถ้าส่วนของการทำงานถ้าจะมีการจ้างทำงานก็สามารถทำงานได้โดยทำตามกระบวนการก็คือการขอใบอนุญาตทำงานแล้วก็เข้ามาและที่สำคัญก็คือห้ามทำในส่วนที่เป็นงานห้ามโดยเด็ดขาดถึงจะมีใบอนุญาตทำงานก็ตาม
ด้าน นางสาวจินดารัตน์ โนนทิง นักวิชาการยุติธรรมจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ทางยุติธรรมจังหวัดจะให้การช่วยเหลือในการดำเนินคดีเกี่ยวกับขั้นตอนของศาล ถ้าในกรณีอย่างนี้ ต้องมองที่ต้นเรื่องเพราะว่ายังไม่เข้าสู่กระบวนการของศาล ต้นเรื่องก็คือในส่วนของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมหรือว่าในส่วนของแรงงานที่ต้องจ่ายค่าปรับต้องดำเนินการตรงนั้นก่อนถ้าดำเนินการไม่ได้หรือว่ายังไงถ้าได้เข้าสู่กระบวนศาลก็จะอยู่ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือของสำนักงานยุติธรรมต่อไป
