ตำรวจสำโรงเหนือ รวบหนุ่มขับรถยนต์หรู ท่าทางมีพิรุธ ขนยาไอซ์กว่า 50 กิโลกรัม คาจุดตรวจ-จุดสกัด บริเวณหน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ริมถนนศรีนครินทร์ ขามุ่งหน้าปากน้ำ ใกล้เคียงแยกศรีเทพา ให้การรับสารภาพว่ายาเสพติดของกลางเป็นของตนเองจริง ซึ่งได้รับการจ้างวานจาก นายเต๋า ให้นำมาส่งลูกค้าก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ขณะกำลังตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด บริเวณหน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ริมถนนศรีนครินทร์ ขามุ่งหน้าปากน้ำ ใกล้เคียงแยกศรีเทพา ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ได้พบ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ สีดำ หมายทะเบียน 3 กญ 5822 กรุงเทพมหานคร มี นายอนุสรณ์ พัวโชคชัย อายุ 43 ปี ชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขับรถคันดังกล่าวผ่านเข้ามาบริเวณด่านตรวจ ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเรียกให้หยุดรถ และ ตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ ยาเสพติด ( ยาไอซ์ ) ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว กว่า 50 กิโลกรัม โดยจากการสอบถาม นายอนุสรณ์ ให้การรับสารภาพว่ายาเสพติดของกลางเป็นของตนเองจริง ซึ่งได้รับการจ้างวานจาก นายเต๋า ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้นำมาส่งลูกค้าก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข่าวน่าสนใจ:
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- พิธีเปิดนิทรรศการฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์ร่วมยุคในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
โดยแจ้งข้อหา / จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนอันเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป / เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยผิดกฎหมาย / มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ( คีตามีน ) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
โดยมีของกลางที่จับกุมได้ / ยาไอซ์ ลักษณะเกล็ดสีขาว จำนวน 49 ถุง ๆ ละ 1 กิโลกรัม รวม 49 กิโลกรัม / ยาไอซ์ ลักษณะเกล็ดสีขาว น้ำหนัก 1.41 กรัม รวมถุง และ น้ำหนัก 0.74 กรัม รวมถุงตามลำดับ / คีตามีน ลักษณะผงสีขาว น้ำหนัก 0.86 กรัม รวมถุง / ตัวอย่างปัสสาวะของ นาย อนุสรณ์ พัวโชคชัย ซึ่งผ่านการตรวจแล้ว จำนวน 1 ขวด / รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ สีดำ ทะเบียน 3กญ 5822 กรุงเทพมหานคร / โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง
พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สำโรงเหนือ เผยว่า กล่าวว่าตามนโยบายเร่งด่วนในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2567 –วันที่ 31 สิงหาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทางจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการเป็นหนึ่งใน 25 จังหวัดพื้นที่สีแดง ที่ต้องเร่งรัดปราบปรามปัญหายาเสพติด ซึ่งสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือได้รับนโยบายมาได้ตั้งจุดสกัดกัดเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดและเมื่อคืนที่ผ่านมา งานจราจรของโรงพักสำโรงเหนือ โดยหัวหน้าชุดพร้อมกับทีมงานได้ตั้งจุดกรวดขัน เป่าแอลกอฮอล์ปราบปรามอาชญากรรม เมื่อเวลา 3 นาฬิกา ได้สามารถสกัดจับกุมยาเสพติด เป็นไอซ์ได้ จำนวน 49 กิโลกรัม
หัวหน้าควบคุมจุดตรวจ กล่าวว่า ได้เจอรถต้องสงสัยขับมาเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ สีดำ ได้ขับเข้ามาในด่าน บริเวณแยกศรีเทพา การตรวจพบของกลางได้ตรวจพบบริเวณท้ายรถ ในลักษณะเป็นกระเป๋า 2 ใบ อยู่บริเวณท้ายรถ จึงทำการเรียกผู้ต้องหาลงมา และ สอบถามว่าเป็นกระเป๋าอะไร จากนั้นจึงได้ขอให้ผู้ต้องหาเปิดกระเป๋าให้ดู และ ได้ทำการยกกระเป๋าลงมา พอเปิดกระเป๋าออก ก็เจอของกลางอยู่ในลักษณะบรรจุหีบห่อมิดชิด ก่อนละ 1 กก. ทั้งหมด 49 ก่อน พอแกะห่อของกลางออก ก็จะเจอลักษณะผงสีขาวอยู่ในห่อใส่อีกที ซึ่งได้ให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอีกครั้ง
พ.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวต่อ ว่าสำหรับชุดจับกุมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่งานจราจร ทางผู้บังคับบัญชา โดย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ได้มอบคำชมเชยให้กับชุดจับกุม และ จะมาตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทาง สภ.สำโรงเหนือ ได้ทำการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้ โดยครั้งแรกได้ทำการจับกุมเป็นยาไอซ์ ได้ 147 กก. ซึ่งยาเสพติดดังกล่าวจากการสืบสวนขยายผล พบว่าเป็นเครือข่าย จากทางภาคใต้ มารับของบริเวณ จังหวัดปทุมธานี และได้ส่งต่อให้กับมือที่สองในเขต สมุทรปราการ เพื่อนำของกลางดังกล่าวส่งไปที่ภาคใต้ มูลค่าของกลางอยู่ที่ 6 ล้านบาท และ ถ้านำออกไปยังต่างประเทศได้ราคาก็จะสูงขึ้น 30 เท่าหรือจะอยู่ประมาณ 160 ล้าบาท ซึ่งการขยายผล จะได้ดำเนินการทำเป็นคดีสมทบต่อไป ต่อไปจะไปปิดรอบตรวจค้นตามเป้าหมายที่เราได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการเป็น จำนวน 2 หมาย และ จะทำการนำเสนอต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: