กรุงเทพฯ – พรรคไทยธรรม ยื่น กกต.ตรวจสอบการใช้ชื่อ ‘พรรคประชาชน’ ระบุ พรรคนี้เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อพรรคใหม่ได้อีก พร้อมร้องทุกพรรคการเมือง ร่วมกันตรวจสอบ
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายอโณทัย ดวงดารา หัวหน้าพรรคไทยธรรม เปิดเผยถึงการยื่นหนังสือให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบการเปลี่ยนชื่อ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มาเป็นพรรคประชาชน ว่า เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา การนำคำว่า ‘ประชาชน’ มาตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง ในประเทศไทย เคยมีมาแล้วถึง 4 ครั้ง ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2541 กระทั่งถูกยุบไปในปี 2544 ด้วยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 34/2544 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2544
“ชื่อพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไปแล้ว มิอาจนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อพรรคใหม่ได้อีก ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน) มาตรา 94 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดแล้ว ให้นายทะเบียนประกาศคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ในราชกิจจานุเบกษา และห้ามมิให้บุคคลใดใช้ชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองซ้ำ หรือพ้องกับชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองที่ถูกยุบนั้น ห้ามมิให้ผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคการเมืองที่ถูกยุบ และถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เพราะเหตุดังกล่าวไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมือง ภายในกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่พรรคการเมืองนั้นถูกยุบ” นายอโณทัย ดวงดารา อธิบาย
หัวหน้าพรรคไทยธรรม เรียกร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบตามข้อมูลดังกล่าว ว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล สามารถเปลี่ยนชื่อพรรค มาเป็นพรรคประชาชนได้หรือไม่ และมีความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 110 หรือไม่
อีกทั้ง ชื่อ ‘พรรคประชาชน’ นั้น กกต.ยังมิได้เห็นชอบว่าให้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ถึงแม้จะมีการประชุมเปลี่ยนแก้ไขข้อบังคับพรรคเสร็จสิ้นแล้ว ตามข้อบังคับของพรรคก็ตาม แต่ตามสื่อสารมวลชน ปรากฏว่า มีการนำชื่อพรรคประชาชนไปเปิดรับสมัครสมาชิกและรับบริจาคเงิน สามารถทำได้อย่างไร
ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 หรือมาตรา 94 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอโณทัย ดวงดารา ยังเรียกร้องไปยังทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ผู้ที่มีส่วนได้เสีย ควรช่วยกันออกมาตรวจสอบ สิ่งไหนดีก็สนับสนุน การออกมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการดิสเครดิตกัน ถูกว่าไปตามถูก สิ่งไหนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องการให้อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน เพราะสถาบันทางการเมืองนั้น เป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชน
ด้านนายอนุวัตร ยาวุฒิ ในฐานะภาคประชาชน ผู้ซึ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งตามรัฐธธรรมนูญ พ.ศ.2560 เสริมว่า ชื่อ ‘พรรคประชาชน’ อาจจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เนื่องจากผิดตามมาตรา 94 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เพราะถูกยุบพรรคไปแล้ว ขอให้ กกต.เร่งดำเนินการตรวจสอบ
และหากมีความผิด จะลงโทษอย่างไร ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อทราบว่า ‘คนการเมือง’ นำคำว่า ‘ประชาชน’ ไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง ไม่ได้ยินดี โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวพันกับกฎหมายอาญา มาตรา 112 กกต.ต้องวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคม อย่ารอให้มีวาทกรรมขึ้นมา ว่า ‘ประชาชนล้มเจ้า’
