ลูกหลานตระกูลทองเอียบ เช็งเม้งเซ่นไหว้บรรพบุรุษก่อนสิ้นปีหนึ่งเดียวในตรัง ซึ่งตรงกับเทศกาลตังโจ่ย หรือ เทศกาลฤดูหนาว ของประเทศจีน และสืบทอดร่วม 200 ปี
สุดแปลกตระกูลทองเอียบ เช็งเม้งก่อนสิ้นปีหนึ่งเดียวในตรัง สืบทอดร่วม 200 ปี : วันที่ 22 ธันวาคม 2561 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีจอ ซึ่งตรงกับเทศกาลตังโจ่ย หรือ เทศกาลฤดูหนาว ของประเทศจีน แต่คนไทยมักจะคุ้นชินกับเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย มากกว่า และเป็นวันสำคัญของตระกูลทองเอียบ หรือแซ่เอียบ แห่งบ้านหินคอกควาย ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของคนไทยเชื้อสายจีนจากมณฑลไหหลำชื่อว่านายกิ้ม แซ่เอียบ ได้อพยพมาอยู่หมู่บ้านหินคอกควาย ประกอบอาชีพประมงในการหาเลี้ยงครอบครัว ด้วยการทำโป๊ะดักปลา บริเวณปากแม่น้ำอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ก่อนปี พ.ศ.2348 มีบุตร 9 คน คือ นายลิ้ม แซ่เอียบ นางย้วน แซ่เอียบ นายเหมา แซ่เอียบ นายผัด แซ่เอียบ นายซ้าย แซ่เอียบ นายหยน แซ่เอียบ นางดี แซ่เอียบ นางด้าย แซ่เอียบ และนางเห๊ว แซ่เอียบ
โดยนายกิ้ม แซ่เอียบได้สั่งสอนการประกอบพิธีการไหว้บรรพบุรุษ ที่เสียชีวิตด้วยการไหว้หลุม หรือการเช็งเม้งศพทุกปี โดยยึดถือเทศกาลตังโจ่ย หรือวันไหว้ขนมบัวลอยเป็นวันประกอบพิธีดังกล่าว และทำเช่นนี้ร่วม 200 ปี แล้ว
ความแปลกของพิธีการเช็งเม้งของตระกูลทองเอียบ หรือแซ่เอียบ นั้นคือ การตั้งเครื่องเซ่นไหว้ไว้เพียงที่เดียวคือจะตั้งไว้ที่หลุมศพของนายกิ้ม แซ่เอียบ เท่านั้น ส่วนลูก หลายของนายกิ้ม แซ่เอียบที่เสียชีวิตก็จะนำมาฝังใกล้ๆกัน แต่จะไม่มีการตั้งเครื่องไหว้แต่อย่างใดลูกหลานที่นำอาหารคาวหวาน เครื่องเซ่นไหว้มาก็ต้องเอามาจัดวางไว้ที่หลุมของนายกิ้ม แซ่เอียบ
ส่วนหลุมศพอื่นๆ ลูกหลานจะตั้งน้ำชา จุดธูปเทียนเพื่อเชิญดวงวิญาณให้ไปร่วมรับเครื่องเซ่นไหว้ที่หลุมของนายกิ้ม แซ่เอียบด้วยกัน ทางด้านนายอานนท์ ทองเอียบ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/3 หมู่ 3 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ทายาทรุ่นที่ 4 กล่าว ตนเองก็ได้สืบทอดการเช็งเม้งจากบรรพบุรุษมาโดยตลอดและทำกันมาทุกปี
ซึ่งจากการบอกเล่าของบรรพบุรุษ ว่า อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำการเช่งเม้งในวันไหว้ขนมบัวลอยก็เพราะการหาผลไม้มาเซ่นไหว้จะหาได้ง่าย ถ้าเป็นเดือน 5 หรือเดือนเมษายน จะหาผลไม้มาไหว้บรรพบุรุษได้อยาก และอีกกลวิธีของนายกิ้ม แซ่เอียบ หรือ ก๋งเถ้า
ที่ทำการเช็งเม้งและตั้งเครื่องเซ่นไหว้ที่หลุมเพียงหลุมเดียว คือการให้ลูกหลานมีความรัก มีความสามัคคี กลมเกลียว ร่วมใจเป็นหนึ่ง เพราะถ้าต่างคนต่างเซ่นไหว้ที่หลุมศพของบรรพบุรุษของตนเองนานๆไปลูกหลานจะไม่รู้จักกันและจะไม่ เคารพ ไม่สามัคคีกัน เมื่อทำพิธีเซ่นไหว้เสร็จลูกหลานจะต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน เพื่อเป็นการแสดงให้บรรพบุรุษได้เห็นว่าลูกหลานยังกินข้าวหม้อเดียวกัน ยังเคารพกัน รักกัน สามัคคีกัน แล้วดวงวิญญาณของบรรพบุรุษจะมีความสุข
