X

คนเฝ้าจุดเครื่องบินตกเห็นแย้ง บอกกลิ่นเน่าที่โชย มาจากปลาตาย

ฉะเชิงเทรา – คนเฝ้าจุดเครื่องบินตกเห็นแย้ง บอกกลิ่นเน่าที่โชยยามเช้ามาจากฝูงปลาที่ลอยตาย หลังมีการสูบน้ำปนเปื้อนคราบน้ำมันทิ้งใส่พื้นที่ชุ่มน้ำข้างเคียง ขณะเก็บกู้ค้นหาซากเครื่องบินและผู้สูญหาย ส่วนด้าน ปชช.ผู้สนใจวนเวียนเข้ามาดูที่เกิดเหตุเป็นระยะ พร้อมยืนยันมีกลิ่นโชยออกมาจริง ส่วนญาติผู้สูญหายเดินทางมาเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านอีก 1 ราย ทั้งยังมีกลุ่มเพื่อนนักบินผู้ช่วยเดินทางดูยังจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบถามหาข้อมูลในพื้นที่โดยรอบ

วันที่ 25 ส.ค.67 เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณกองอำนวยการ จุดเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยี่ห้อเชสนา รุ่นคาราวาน C208 เที่ยวบิน TFT209 สุวรรณภูมิ-เกาะไม้ชี้ จ.ตราด ตกที่บริเวณหลังวัดเขาดิน พื้นที่ ม.6 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้โดยสารชาวจีน 5 ราย พนักงานโรงแรม 2 คน และนักบิน 2 นาย สูญหายไปกับซากเครื่องบินภายในบ่อโคลนกลางป่าแสม เมื่อเวลา 14.56 น.วันที่ 22 ส.ค.57 ที่ผ่านมานั้นว่า

น้ำปนน้ำมัน

บรรยากาศอยู่ในความสงบเงียบเหงา โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งนำโดยนายคเชนทร์ เที่ยงมณี ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.บางปะกง นายพิสิษธ์ ประเสริฐศรี นายก อบต.เขาดิน พร้อมผู้นำชุมชน และ อสม.จำนวนกว่า 10 คน คอยเฝ้าดูแลที่เกิดเหตุไว้ และยังคงมีการปิดกั้นกันพื้นที่ห้ามไม่ให้บุคคลใดเข้าไปยังภายในที่เกิดเหตุ สอบถามจากนายคเชนทร์ ทราบว่า ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นบรรยากาศในบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตุนั้นเป็นไปอย่างเงียบสงบ

ด้านหน้าห้ามเข้า

โดยมีเพียงกลุ่มญาติของ น.ส.นภัค จีระศิริ อายุ 35 ปี หัวหน้าพนักงานต้อนรับของโรงแรมขื่อดัง เจ้าของเดียวกันกับเที่ยวบินที่ประสบอุบัติเหตุตก ที่ได้พากันเดินทางมาจาก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. พร้อมนำภาพถ่ายของ น.ส.นภัค มาเชิญดวงวิญญาณให้กลับบ้านไปยังภูมิลำเนาเท่านั้น นายคเชนทร์ ระบุ

หลังแนวเครื่องบินตก

ขณะที่ นางจิตรดา จันทร์เต็ม อายุ 55 ปี ซึ่งเป็น อสม.และแพทย์ประจำตำบลเขาดิน กล่าวว่า กรณีที่ชาวบ้านฝั่งตรงข้ามได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกไปจากที่เกิดเหตุในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืดนั้น เชื่อว่าเป็นกลิ่นปลาเน่า ที่มีลอยตายเกลื่อนบริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุ หลังจากมีการสูบระบายน้ำทิ้งออกจากหลุม จุดที่ต้องการค้นหาเครื่องบินตกออกไปไส่ยังในแอ่งน้ำที่มีปลาอาศัยอยู่

ใกล้จุดตก

โดยน้ำที่สูบออกไปนั้น เป็นน้ำที่ปนเปื้อนน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งมีกลิ่นเหม็นฉุนฟุ้งกระจายออกไปทั่วบริเวณอย่างรุนแรงในวันเกิดเหตุ จึงทำให้ปลาในบริเวณดังกล่าวลอยตาย และไม่น่าจะใช่กลิ่นที่ออกมาจากชิ้นส่วนของมนุษย์ หรือร่างกายของผู้สูญหายและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยที่พวกตนได้เข้ามานั่งเฝ้าที่บริเวณจุดเกิดเหตุมาตลอดทั้งวันแล้ว ก็ยังคงไม่ได้กลิ่นเหม็นเน่าอะไรโชยออกมาเลย นางจิตรดา กล่าว

จุดนี้มีกลิ่นโชย

ส่วนด้านนายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ชาว ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านที่ขับรถเดินทางมาดูยังในที่เกิดเหตุ และเดินเข้าไปยังบนถนนคันดินกั้นแนวเขตแปลงที่ดินด้านหลังจุดเกิดเหตุ ฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของชาวบ้านในบริเวณนั้น ระบุว่า หลังติดตามดูข่าวเหตุการณ์เครื่องบินตกมาอย่างต่อเนื่องหลายวัน จึงอยากเดินทางเข้ามาดูยังในที่เกิดเหตุจริงๆ สักครั้ง จึงได้หาโอกาสเดินทางมาดู โดยตั้งใจว่าจะมาดูตั้งแต่แรกแต่ยังหาเวลาว่างไม่ได้ จึงเดินทางมาดูสถานที่จริงในวันนี้

ชาวบ้านขอดู

และระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้ยังบริเวณจุดเกิดเหตุ ทางชายป่าด้านหลังปรากฏว่าจมูกได้สัมผัสกับกลิ่นเหม็นเน่าจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นกลิ่นของอะไร โดยเป็นกลิ่นเน่าที่มีกลิ่นคาวของโคลนลอยออกมาปนด้วยเป็นระยะ แต่ไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก โดยจะมีกลิ่นแรงเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลามีกระแสลมพัดผ่านเท่านั้น โดยเฉพาะเวลายืนอยู่ที่ช่องว่างของต้นไม้ ที่ถูกรถแบคโฮล้มเปิดพื้นที่ปากบ่อ ในจุดค้นหาซากเครื่องบินนั้นจะมีกลิ่นที่แรงมากกว่าจุดอื่นๆ นายสมศักดิ์ กล่าว

ช่องนี้มีกลิ่นโชย

จากนั้นเมื่อเวลา 17.15 น. ได้มีกลุ่มของเพื่อนนักบินผู้ช่วย ที่พากันขับรถยนต์ BMW รูปทรงรถยนต์ตรวจการณ์ (เอสยูวี) คันสีขาวเข้ามาจอดสอบถามข้อมูลจากกลุ่มชาวบ้าน และเดินลงมาจากรถจำนวน 2 คน โดยได้เข้ามาพูดคุยกับทางกลุ่มของผู้นำชุมชน ที่กำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณด้านหน้าเต็นท์ด้านฝั่งตรงข้ามกับเต็นท์กองอำนวยการ และมีการกล่าวถึงการตั้งข้อสงสัยในหลายๆ ด้าน จากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่ไม่ยินยอมเปิดเผยข้อมูลอะไรต่อผู้สื่อข่าว

พบผู้นำชุมชน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน