หลักเกณฑ์ใหม่ทำประกันภัยรถไฟฟ้า BEV หลังบังคับผู้ต่อประกันภัยให้ใช้มาตั้งแต่ 1 มิ.ย.67 ในการทำประกันภัยแบบเฉพาะของรถยนต์ EV ถือเป็นหลักเกณฑ์การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับแรกของไทย ที่ตัดปัจจัยความเสี่ยงจากภายนอก ไม่คุ้มครองการชาร์จจากเครื่องชาร์จที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถ และกำหนดค่าเสื่อมสภาพแบตเตอรี่ลดลงปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมให้ระบุชื่อผู้ขับขี่ไม่เกิน 5 คนโดยนำประวัติคนขับที่แย่สุด กลับมาคำนวนค่าเบี้ยต่อประกันเป็นเกณฑ์ในปีถัดไป
วันที่ 2 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากเอกสารแจกจ่ายจากหน่วยงาน กปภ.ว่า ปัจจุบันการทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและรูปแบบการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าแบบเฉพาะแยกจากการทำประกันภัยประเภท 1 ของรถยนต์ทั่วไปแล้ว และถือเป็นฉบับแรกของไทยนับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.67 หรือมีผลบัคับใช้มาแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การระบุผู้ขับขี่ จากเดิมการซื้อประกันภัยชั้น 1 รถยนต์ EV จะสามารถเลือกกำหนดผู้ขับขี่ได้สูงสุด 2 คน ซึ่งผู้เอาประกันสามารถเลือกที่จะไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ แต่เกณฑ์ประกันภัยใหม่ “ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ โดยสามารถเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 คน 2.ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามีการเก็บข้อมูลและตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับขี่ เพื่อนำมาคำนวณเบี้ยประกันภัยด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะมีการเก็บประวัติการขับขี่จากอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
และหากเป็นผู้ขับขี่รถยนต์น้ำมันที่มีการชนหรือเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ไฟฟ้า จะมีการเก็บประวัติในส่วนนี้แบบเป็นรายบุคคลด้วยเช่นเดียวกัน 3.ความคุ้มครองแบตเตอรี่ เกณฑ์ใหม่ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าได้มีการให้ระบุถึงความคุ้มครองแบตเตอรี่โดยคำนวนค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งาน โดยในปีแรกจะคุ้มครองที่ 100 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นให้บริษัทประกันภัยคิดค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งานร่วมด้วย เมื่อมีการพิจารณาให้ความคุ้มครอง รวมถึงการชดใช้สินไหม
โดยอัตราการชดเชยค่าสินไหมจะลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี จนกระทั่งถึงจุดต่ำสุดที่ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือแบตเตอรี่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป 4. เกณฑ์ความคุ้มครองเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลแบบติดผนัง (Wall Charger) ในเกณฑ์ใหม่จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเครื่องชาร์จส่วนบุคคลที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถยนต์ แต่ผู้เอาประกันภัยยังสามารถเลือกซื้อความตุ้มครองเพิ่มเติมได้ โดยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ จะช่วยเพิ่มความชัดเจนให้การทำประกันภัยมีมาตรฐานเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการคิดเบี้ยประกันภัยและขอบเขตความคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความคุ้มครองแบตเตอรี่ อันเป็นชิ้นส่วนหลักที่มีราคาสูงถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่ารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าและลดข้อพิพาทลงได้ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเติบโต และยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ค่าซ่อมและค่าอะไหล่ทดแทนเมื่อเกิดความเสียหายต่อตัวรถยังสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป โดยเฉลี่ย 20-30 เปอร์เซ็นต์
แม้แนวโน้มราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 จะยังคงทยอยปรับตัวลดลงมาบ้าง แต่อาจจะยังสูงกว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทั่วไปในช่วงราคาเดียวกัน
ขณะที่ บริษัทนายหน้าประกันภัยอย่างเช่น “heygoody” ได้นำมาเป็นข้อสรุปในการเสนอขาย การให้บริการต่อลูกค้าจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ คือ ทำให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มีความชัดเจนในทุกเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นการคิดเบี้ยประกันภัยหรือความคุ้มครองโดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่เป็นอวัยวะสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจลดความกังวลในเรื่องค่าซ่อมที่สูง จากการมีมาตรฐานที่ชัดเจน ลดข้อพิพาท ในทุกบริษัทประกันภัยที่ต้องใช้เกณฑ์เดียวกัน
ทำให้เกิดความเป็นธรรม พร้อมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ยังสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป โดยได้เสนอเงื่อนไขในการขาย ที่เน้นความเข้าใจง่าย เพื่อลดความกังวลต่อลูกค้า ทั้งด้านการซ่อม ความคุ้มค่าในการทำประกันภัย ที่มีความครอบคลุมในทุกความเสี่ยง ทั้งตัวรถ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์การชาร์จ โดยเสนอให้สามารถหาคำตอบได้ที่ “heygoody”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: