ตรัง-พายุฝนถล่มตรัง ต้นไม้หักโค่นทับสายแรงสูงไฟดับวงกว้าง เรือโดยสารหายกลางพายุ ระหว่างเดินทางจากท่าข้าม อ.ปะเหลียน กลับเกาะสุกร ผู้สูงอายุ 4 ชีวิตยังไม่ทราบชะตากรรม หน่วยงาน-ชาวบ้านระดมค้นหา ยังไร้วี่แวว
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ตลอดทั้งวันได้มีฝนตกหนักและลมแรง ทำให้ต้นไม้ในเขตเทศบาลนครตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง หักโค่นล้มทับสายไฟแรงสูง และบ้านเรือนหลายจุด อาทิ ต้นไม้ล้มทับบ้านประชาชนบริเวณถนนจิงจิตร ตำบลทับเที่ยง และโรงเรียนเทศบาลวัดตันตยาภิรมย์ ที่ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ทับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหัก 2 ต้น ส่งผลให้ไฟดับเป็นวงกว้าง เป็นต้น โดยนายสัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าขนย้ายต้นไม้ที่หักโค่น รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำตามลำคองต่างๆที่เคยล้นจนเข้ามาท่วมซ้ำซากตลอด 24 ชั่วโมง โดยจากการออกสำรวจพบว่าปริมาณน้ำในคลองน้ำเจ็ด (วัดคลองน้ำเจ็ด), คลองนางน้อย (ชุมชนควนขัน) คลองห้วยยาง และคลองท่าจีน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น พื้นที่รองรับน้ำและลำคลองในเขตเทศบาลนครตรังยังคงรองรับน้ำได้ แต่ก็ขอเน้นย้ำให้เฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วมบ่อยครั้ง
ขณะที่ วันเดียวกันได้มีประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ฉบับที่ 5 (40/2567) เรื่อง ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ในช่วงวันที่ 16 – 19 กันยายน 2567 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมบริเวณทะเล อันดามันและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝน เพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้ในบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และ สตูล ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ทะเล มีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามัน ควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
ด้านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง โดยนายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้ประกาศเตือนระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมแรง ทั่วทั้ง 10 อำเภอของจังหวัดตรัง โดยเฉพาะพื้นที่ติดชายทะเล งดกินกรรมทางทะเล และการเดินเรือต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัย หากเกิดคลื่นลมแรงต้องรีบหาที่กำบัง
ข่าวน่าสนใจ:
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
ผู้สื่อข่าวรายว่า ช่วงค่ำของวันเดียวกัน(16ก.ย.67)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกาะสุกร ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ว่า ได้เกิดเหตุเรือโดยสารจากท่าเรือท่าข้าม ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งเดินทางไปยังท่าเรือเกาะสุกร ได้หายไประหว่างทางขาแล่นกลับเกาะสุกร ซึ่งเรือลำดังกล่าวชื่อ “พรทวี 5” เป็นเรือหัวโทงขนาด 25 ตัวกง หลังคาเป็นหลังคาไม้ ได้ออกจากท่าเรือท่าข้ามตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันนี้ และได้ขาดการติดต่อไปเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันเดียวกัน โดยบนเรือลำดังกล่าวมีคนเรือ 1 คน และผู้โดยสาร 3 คน รวมทั้งหมด 4 คน และทั้งหมดยังไม่ทราบชะตากรรม โดยขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ได้นำเรือ 6-7 ลำออกช่วยค้นหา พร้อมประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ระดมช่วยค้นหา แต่ยังไม่พบร่องรอย เนื่องจากการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะเป็นเวลากลางคืน และมีลมแรงต่อเนื่อง สลับกับมีฝนตกลงมา
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในตำบลเกาะสุกร ทราบว่าช่วง 3 วันที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก มีลมแรง และตั้งแต่เมื่อวานนี้(15 ก.ย.67) ในทะเลมีลมแรง คลื่นสูงประมาณ 3 เมตร และโดยปกติแล้วเรือโดยสารจะใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือท่าข้ามมายังเกาะสุกร ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น โดยขนะนี้สถานการณ์บนเกาะสุกรได้มีชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อติดตามสถานการณ์ และออกเรือค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายกอบต.เกาะสุกร รองนายกอบต. ผู้นำชุมชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดร่วมกับชาวบ้าน ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อผู้สูญหาย ทั้ง 4 ราย เป็นชาวเกาะสุกรทั้งหมด ประกอบด้วย 1.นายสุพิศ ขาวดี อายุ 61 ปี 2.นายเฉลิม ขาวดี อายุ 87 ปี 3.นายชัน สองหลง อายุ 61 ปี และ 4.นางหมุน หมาดหลู อายุ 74 ปี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: