X

ตำรวจระนองทำแผนมือชิงทองห้างดังระนองจากน้ำทอง 62 บาทได้คืนมา 52 บาท

ระนอง-ตำรวจระนองทำแผนมือชิงทองห้างดังระนองจากน้ำทอง 62 บาทได้คืนมา 52 บาท จากกรณีที่มีคนร้าย 2 เข้าชิงทรัพย์ร้านทองในห้างดังกลางเมืองระนอง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา และได้สร้อยคอทองคำไปไม่ต่ำกว่า 62 บาทวันนี้ 14 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดระนองได้นำตัว 2 ผู้ก่อเหตุ เป็นชาย 1 คนพร้อมเยาวชนหญิงอีกจำนวน 1 คนมาทำแผนการชิงทองจำนวน 3 จุดก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี คือจุดที่ 1.ห้างทองในโลตัส 2.จุดที่ทิ้งรถ จยย.ภูเข้าหญ้ง และ 3.จุดที่นำทองไปยังหลังบ้านผู้ก่อเหตุพล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จากการวางแผนแกะรอย และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อมูลจากทุกฝ่ายจนพบร่องรอย และที่หลบซ่อน จึงให้เจ้าหน้าที่ซุ่มเฝ้าเอาไว้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้า

เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าจับกุมนายวีระวุธ เชื้อฉิม ชาวตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง อายุ 41 ปี ที่บ้านพักหมู่ที่ 4 ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นสวนปาล์ม โดยนายวีระวุธให้การรับสารภาพ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ไปทำการขุดนำสร้อยคอทองคำที่ใส่กระปุกพลาสติกและฝังไว้บริเวณหลังบ้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งได้ซุกเอาไว้ในกระเป๋าผ้าของมารดา จากการสอบปากคำนายวีระวุธยอมรับสารภาพว่า ตั้งแต่ช่วงโควิดมาชีวิตตกต่ำมาก ไม่มีเงินรายได้มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว ถูกภรรยาทิ้งเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ประกอบกับตน จากเดิมเคยรับเหมจากเดิมเคยรับเหมาก่อสร้างมีรายได้เดือนละหลายหมื่นจนถึงหลักแสน แต่ปัจจุบันแทบจะไม่มีรายได้เลยจึงคิดว่าทำอย่างไรถึงจะดึงตัวเองขึ้นมาได้ จึงได้โทรชวนหลานสาวคือนางสาวมิ้น (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาวตำบลกะเปอร์ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ให้มาร่วมทำงาน

โดยตอนที่ชวนนั้นนางสาวมิ้นอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตนเองจึงให้นางสาวมิ้นช่วยซื้อปืนพลาสติกมาให้ลูกสาวด้วย แล้วตนเองก็เอาปืนพลาสติกนั้นไปทำงาน นายวีระวุธบอกอีกว่า ตนเองพร้อมกับนางสาวมิ้นได้เดินทางไปที่ห้างดังกล่าวและสังเกตดูที่ร้านทองตั้งแต่วันอังคารที่ 10 กันยายนและตั้งใจจะลงมือทำงานในวันนั้นเพราะตนเองถือว่าวันอังคารเป็นวันดีของตัวเอง แต่นางสาวมิ้นได้พูดขัดไว้ก่อนโดยบอกว่าคนเยอะเกินไปจึงได้เลิกล้มความตั้งใจและมาลงมือในวันรุ่งขึ้น ต่อมาคือวันพุธที่ 11 กันยายน ตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนฮอนด้าดรีม่งเป็นรถที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในราคา 1,500 บาทแล้วนำมาซ่อม ซึ่งระหว่างทางได้แวะปะยางที่บ้านทุ่งหงาว ตำบลงาว อำเภอเมืองระนองก่อน

 

ก่อนที่จะสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงอีกตัวหนึ่งทับของเดิมและมุ่งหน้าไปที่ห้างดัง โดยนายวีระวุธ ลงมือโดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือกลัวอะไรเลย เพราะคิดอยู่อย่างเดียวว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าทำสำเร็จก็สามารถดึงชีวิตให้ขึ้นมาได้แต่ถ้าพลาดก็คือติดคุกเท่านั้น และอีกอย่างคือร้านทองในห้างไม่มีลูกกรงเหล็กและไม่มีเจ้าของร้านตนเองจึงไม่กลัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าพนักงานไม่มีปืน และที่เลือกลงมือในห้างเพราะรู้สึกปลอดภัยกว่าและง่ายกว่า หากไปลงมือที่ร้านทองข้างนอกซึ่งมีกรงเหล็กก็จะยาก อีกทั้งมีลูกปืนของเจ้าของร้านรออยู่ด้วยซึ่ง นายวีระวุธ บอกอีกว่า หลังจากที่ได้ตนและนางสาวมิ้นลงมือชิงทองมาแล้วก็ได้นำทองใส่เข้าไปในเสื้อและกระเป๋าผ้าที่เตรียมมา แล้ววิ่งกลับไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของห้างแล้วขับย้อนทางเข้าออกไปบนถนนเพชรเกษม ย้อนศรบนฟุตบาทมุ่งหน้าไปบ้านบางกลาง

และหว่างทาระหว่างทางรถมอเตอร์ไซค์ได้ล้มไป 1 ครั้ง ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าและหัวไหล่ แล้วตนมั่นใจว่าได้ทำสร้อยคอทองคำหล่นระหว่างทางทั้งที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ในขณะที่วิ่ง และบริเวณจุดที่ตนเองล้มมอเตอร์ไซค์ด้วย ซึ่งไม่แน่ใจว่าหล่นหายไปกี่เส้น หลังจากนั้นตนเองพร้อมนางสาวมิ้นได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปถึงบ้านทุ่งยอก่อนถึงภูเขาหญ้า รถก็ได้ยางแบนอีกรอบหนึ่ง

 

ตนเองจึงตัดสินใจขับบดยางไปทั้งที่ยางรั่วแบบนั้น แล้วเลี้ยวเข้าไปในถนนซอยภูเขาหญ้า และทิ้งรถไว้ในคูน้ำข้างถนนภูเขาหญ้า โดยมั่นใจว่าไม่มีใครติดตามมา หลังจากนั้นตนเองพร้อมนางสาวรุ่งจึงเดินเข้าไปในป่าห่างจากริมถนนราว 30 เมตร ทำการถอดเสื้อกางเกงชั้นนอกและถุงมือทิ้งไว้ตรงนั้น พร้อมกับเอาทองออกมาเทและนับจำนวนได้ราว 50 กว่าบาทโดยมีเส้นที่หนัก 5 บาทและ 3 บาทรวมอยู่ด้วย หลังจากนั้นจึงได้เดินลัดแนวป่าออกไปริมถนนเพชรเกษมบริเวณตรงข้ามภูเขาหญ้า  โดยยืนรักษาระยะห่างกับนางสาวมิ้น และได้ขึ้นรถสองแถวกลับไปที่บ้านพักที่ตำบลราชกรูด แล้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of บุญเลื่อน พรหมประทานกุล

บุญเลื่อน พรหมประทานกุล

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดระนอง บรรณาธิการ นสพ.เซ้าท์เทิร์นนิวส์ระนอง