X

ทั้งสภาแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ขณะยืนสงบนิ่งไว้อาลัย และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส มีครู – นักเรียนเสียชีวิตหลายราย

ทั้งสภาแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ขณะยืนสงบนิ่งไว้อาลัย และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส ครู – นักเรียนเสียชีวิตหลายราย

การประชุมสภาเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สมัยวิสามัญสมัยที่ 1 ประจำปี พ.ศ 2567 ครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งมีวาระการประชุมรวม 6 วาระ โดยก่อนเริ่มการประชุม ในวาระต่างๆ ดร.สุมิตรธีรา วิสูตรานุกูล ประธานสภาเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดได้ แจ้งเชิญคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาฯในห้องประชุมทุกคน ลุกขึ้นยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยว ที่นำคณะครู นักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ไปทัศนศึกษาที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2567 มีผู้เสียชีวิตทั้งครู นักเรียน รวม 23 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย ทำเอาบรรยากาศในห้องประชุมสภาเป็นไปด้วยความเศร้า หลายคนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะคิดว่าพวกเราทุกคนในที่นี้คงคิดไม่ต่างกันว่า ความสูญเสียนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นกับกลุ่มเยาวชนที่ควรจะได้รับการดูแลอย่างรอบคอบ และระมัดระวังให้มากที่สุด เราจะต้องนำเหตุการณ์นี้มาใช้เป็นบทเรียน วางมาตรการในการป้องกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

นายบรรจง โฆษิตจิระนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า ขอยืนยันว่านโยบายในการขับเคลื่อนให้นักเรียนได้เรียนรู้นอกสถานที่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการพัฒนาเด็ก การจัดกิจกรรมที่สภาได้อนุมัติงบประมาณให้เด็กได้ทีโอกาสออกไปทัศนศึกษานอกห้องเรียน นอกสถานที่ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี และสนับสนุนเงินไปจำนวนมาก สิ่งที่เราทราบและได้รับกลับมา พบว่าเด็กนักเรียน ระดับต่างๆ ได้เขียนเรียงความถ่ายทอดความประทับใจออกมา ส่งให้ครูประจำชั้น จากการไปทัศนศึกษาสถานที่ต่างๆ เมื่ออ่านดูแล้ว มันสะท้อนให้เห็นว่าเขาได้รับโอกาสอันดี เขาจดจำโอกาสนี้ได้ดี แล้วก็จะมีมุมมองที่สร้างสรรค์

 

ประการสำคัญเด็กคิดว่าเราได้ให้ความสำคัญกับเขา เขาได้รับมิติใหม่ๆ หลายมุมมองในการทัศนศึกษา นอกสถานที่ แต่มาตรการที่จะต้องเพิ่มขึ้นต่อจากนี้คือเรื่องยานพาหนะ เรื่องนี้เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งการเลือกบริษัทผู้ประกอบการเดินรถไม่ประจำทาง หรือรถนำเที่ยว ตลอดจนการใช้รถของหน่วยงานเราเอง เราให้ความสำคัญมาก ก็แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่มีไฟไหม้รถบัส ทำให้ครู นักเรียน เสียชีวิตจำนวนมากที่เราเห็นภาพผ่านสื่อต่างๆ ในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียน ให้กับทั่วประเทศในการที่จะให้ครู นักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งกรรมการชุมชน อสม.กลุ่มบุคคลที่จะต้องไปเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเองนอกสถานที่ จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ผมคิดว่าทางส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ จะมีมาตรการการตรวจเรื่องความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สำหรับรถสาธารณะที่รับจ้างหรือให้บริการน่าจะมีมาตรการเข้มในการตรวจสภาพอาจจะตรวจระยะ 6 เดือน หรือ 1 ปี/ครั้ง หากไม่มีความพร้อมไม่มีมาตรฐาน ไม่ผ่านเกณฑ์ ก็จะไม่มีการออกใบอนุญาต หรือสั่งห้ามใช้รถดังกล่าวเด็ดขาด เชื่อว่าระบบราชการน่าจะไปถอดบทเรียนเพื่อพัฒนา และยกระดับมาตรฐานขึ้น ให้เทียบเท่ากับต่างประเทศที่เขาพัฒนาไปไกลแล้ว ส่วนหนึ่งต้องให้มีการอบรม เตรียมความพร้อม หรือให้คำแนะนำเรื่องการให้บริการเหมือนกับการที่เราไปใช้บริการสายการบิน จะห็นว่าเวลาเราขึ้นเครื่องบิน พนักงานประจำเครื่อง เขาจะให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารว่า ถ้ามีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น ผู้โดยสารต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อุปกรณ์ที่สำคัญที่ขำเป็นอยู่ตรงไหนเป็นต้น แต่สำหรับการขนส่งทางบกมันไม่มีรายละเอียดขนาดนั้น ส่วนอุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีในรถจะเห็นว่ามีบ้าง ไม่มีบ้าง อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ

อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมทัศนศึกษา เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เราจะไม่งดและจะเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่การเอาเหตุการณ์นี้มาปิดโอกาสแก่ครู -นักเรียน หรือประชาชน ในการที่ได้ไปเรียนรู้ที่อื่น. แต่เราจะต้องมีมาตรการในการเตรียมความพร้อมในการดูเรื่องยานพาหนะ ในการขนส่งอย่างเข้มงวดต่อไป

ดร.นุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรี ซึ่งกำกับดูแลด้านการศึกษา กล่าวว่า การสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กมีโอกาสไปทัศศึกษาดูงานได้ จะทำให้เด็กเกิดวิสัยทัศน์ได้เรียนรู้ในชีวิตจริงของเขา เด็กทุกคนมีโอกาสไม่เท่ากัน บางคนพ่อ แม่มีความพร้อมก็สามารถพาลูกหลานไปเที่ยวไปศึกษาเองได้ แต่อย่าลืมว่ามีเด็กอีกจำนวนมากที่เขาไม่มีโอกาสด้วยปัจจัยอื่นๆ จึงถือว่านโยบายส่งเสริม และสนับสนุนให้นักเนียน ได้ไปเรียนรู้หาประสบการณ์จากภายนอก ซึ่งไม่ใช่นโยบายของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด แต่เป็นนโยบายของรัฐบาล หรือกระทรวงศึกษาธิการ จัดขึ้นมาหลายสิบปี โดยสนับสนุนผ่านทางงบพัฒนาผู้เรียนในการศึกษาดูงาน เป็นนโยบายของประเทศที่มีเงินอุดหนุนโดยตรงมาที่โรงเรียนเพื่อให้เด็กๆได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาดูงาน แม้กระทั่งขอโหวดของเรา ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในขณะนี้ เราก็กำหนดเป็นแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียน ช่วง 3 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมามีคนมาเที่ยวชมหอโหวดร้อยเอ็ด เราแล้ว 1,750,000 คน ในจำนวนนี้ เป็นนักเรียน 1,500,000 คน ทำให้การบริหารงานหอโหวดของเราอยู่ได้ก็จากคณะครู ผู้ปกครอง นักเรียนตลอดจนนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม


เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดเราไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่มีเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนเสียชีวิตจำนวนมาก คณะผู้บริหารจึงได้สั่งการในการปฏิบัตให้โรงเรียนต่างๆในสังกัด 8 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2 แห่ง ให่ชะลอ การเดินทางไปทัศนศึกษาดูงาน และเน้นย้ำในการใช้รถยนต์ รถขนส่งนักเรียนทั้งหมด ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ความปลอดภัยทุกเดือน ซึ่งเราปฏิบัติมาตามปกติอยู่แล้ว รถทุกคันต้องมีความ ปลอดภัย ไม่มีมาตรฐานเราไม่อนุญาตให้ใช้เด็ดขาด

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน