เมื่อเวลา 19.00 น นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ได้เป็นประธานเปิดงานไหลเรือไฟที่จังหวัดนครพนม ท่ามกลางนักท่องเที่ยวเรือนแสนที่เดินทางมาเที่ยวชมเรือไฟในปีนี้
นายอนุทิน กล่าวว่า มหกรรมไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม เป็นประเพณีที่เก่าแก่และสำคัญของพี่น้องชาว จ.นครพนม และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งต้องขอชื่นชมคณะกรรมการจัดงาน ศิลปินเรือไฟ และพี่น้องชาวนครพนมที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานประเพณีที่มีความเก่าแก่ ศักดิ์สิทธิ์ และสวยงามให้คงอยู่คู่กับชาวนครพนมสืบมา
โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากทยอยเดินทางมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งมีความยาวกว่าสองกิโลเมตรเพื่อรอชมเรือไฟที่จะมีการแสดงการ ไหลในค่ำคืนวันนี้ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี
ข่าวน่าสนใจ:
- พบศพต่างชาติลอยอืดกลางอ่าวสัตหีบ สวมกางเกงตัวเดียว ข้อมือสัก อักษร HOPE CLUB ยังไม่ทราบว่าถูกฆ่าโยนทิ้งทะเลหรือจมน้ำตาย
- กู้ภัยเร่งช่วยชีวิตหนุ่มขับรถกระบะตกคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
- ชายวัย 62 ยืมมอไซค์เพื่อนจะไปรับแฟนมากินข้าวด้วยกัน เกิดเฉี่ยวชนกับรถพ่วงถูกล้อทับดับคาที่
- สาวพลัดตกชั้น 3 อาคารพาณิชย์กลางพัทยา คาดเสพยาจนหลอน เจ็บหนัก
โดยบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขงในตัวเมืองนครพนม เริ่มคึกคักเมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางมาจับจองที่นั่งริมฝั่งแม่น้ำโขงทั้งสองฝั่งทั้งฝั่งไทยและฝังลาวนักท่องเที่ยวต่างทยอยจับจองหาที่นั่งริมฝั่งโขงเพื่อรอชมเรือไฟที่ทยอยเริ่มปล่อยในเวลาประมาณ 18 30 ม และเมื่อถึงเวลาเรือไฟลำแรกซึ่งเป็นเรือไฟของอำเภอนาหว้า ก็ถูกปล่อยอออกมาโชว์ความยิ่งใหญ่ทันที และติดตามด้วยเรือไฟจากอำเภอศรีสงคราม โดยทั้งคู่ส่งเข้าประกวด
ในประเภทความคิดสร้างสรรค์ หลังจากนั้นเรือไฟจากอำเภอโพนสวรรค์และอำเภอนาทม ซึ่งส่งเข้าประกวดในประเภทสวยงาม ก็ออกมาโชว์ความงามตามลำดับ โดยเรือไฟแต่ละลำจะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แตกต่างกันออกไปนอกจากนั้น
ขนาดของเรือไฟแต่ละลำมีความยาวตั้งแต่ 70 ถึง 80 เมตร ความสูงประมาณ 20 ถึง 30 เมตร โดยมีการแบ่งประเภทเรือไฟออกเป็นสองประเภทคือประเภททความคิดสร้างสรรค์และประเภทสวยงามซึ่งคณะกรรมการตัดสินเรือไฟจะให้คะแนนแยก
ตามประเภทที่แต่ละอำเภอสมัครตั้งแต่แรก ซึ่งนอกจากลวดลายต่างๆ บนเรือไฟจะสวยงามแล้วแต่ละลำยังมีการยิงพลุและตะไลเพื่อเรียกคะแนนจากกรรมการตัดสินทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสวแลดูสวยงามเป็นอย่างยิ่งสำหรับปีนี้นับเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมงานเรือไฟมากกว่าทุกปี โดยนอกจากชาวบ้านแต่ละอำเภอจะเดินทางมาเชียร์และชื่นชมเรือไฟของตนแล้วนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดก็เดินทางมาเป็นจำนวนมากและจองห้องพักโรงแรมเต็มทุกโรงแรม จนบางรายไม่มีที่พักหลังจากชมเรือไฟแล้วต้องขับรถไปนอนที่จังหวัดใกล้เคียงเนื่องจากห้องพักในตัวเมืองนครพนมเต็มทุกโรงแรมอีกทั้งยังถือโอกาสขึ้นราคาห้องพักหลายเท่าตัวอีกด้วย
และในขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังชื่นชมอยู่กับเรือไฟ และนั่งรับประทานอาหารที่บริเวณลานพาแลง กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีการจุดพลุที่บริเวณใต้เขื่อนกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงบริเวณหน้าลานพาแลง เกิดการระเบิดขึ้นและสะเก็ดได้พุ่งเข้าใส่นักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้นจนได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยนักท่องเที่ยวรายหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะที่ตนนั่งรับประทานอาหารและชมเรือไฟอยู่ที่ลานพาข้าวแลงอยู่นั้น ก็มีการจุดพลุโชว์ที่หน้าลานพาแลงโดยขณะที่พลุสองถึงสามลูกแรกก็พุ่งขึ้นสูงและระเบิดบนท้องฟ้าได้อย่างสวยงามตระการตา แต่จู่ ๆพลุลูกต่อมากลับแตกออกมาด้านข้าง และพุ่งมาหาตนและนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่อยู่บริเวณนั้นได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน เดชะบุญที่ตนแขวนพระเครื่องที่ตนนับถือหลายองค์ จึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและเชื่อว่าจากพุทธคุณทำให้ตนแคล้วคลาดปลอดภัย ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะโดนสะเก็ตไฟและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยประมาณสี่ถึงห้าคน หลังเหตุการณ์สงบมีเจ้าหน้าที่ฯ นำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งทำแผลต่อยังโรงพยาบาลนครพนม ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
สำหรับผลการประกวดเรือไฟประจำปี 2567
ประเภทสวยงามที่
ลำดับที่ 1. ได้แก่เรือไฟของ อ.โพนสวรรค์
ลำดับที่ 2. อ.ท่าอุเทน
ลำดับที่ 3. อ.เมือง
ส่วนประเภทความคิดสร้างสรรค์ ชนะเลิศที่
ลำดับที่ 1.ได้แก่ อ.ศรีสงคราม
ลำดับที่ 2. อ.บ้านแพง
ลำดับที่ 3.อ.นาหว้า
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: