พ่อค้าแม่ค้าเดือด! -หลัง “ตลาดเก็นติ้ง” โก-ลก ปรับราคาเช่าและต่อสัญญาขึ้นสูง วอน! เห็นใจคนหาเช้ากินค่ำบ้าง ด้าน “บอสสมโภชน์” โต้กลับ!! ยืดเวลาผ่อนให้แล้ว 18 เดือนตามที่ขอ ทั้งที่แบกภาระดอกเบี้ย 10 ล้านบาท ยัน! ไม่ปรับลง
จากกรณีกลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้า บริเวณตลาดเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้ร้องเรียนไปทาง สำนักงานอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดนราธิวาส ถึงความเดือดร้อนของกลุ่มผู้ประกอบการที่ตลาดเก็นติ้ง ภายหลังบริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด ที่มี นาย สมโภชน์ หงษ์กิตติยานนท์ เป็นกรรมการผู้จัดการฯ อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมเก็นติ้ง สุไหงโก-ลก ได้มีการปรับค่าเช่าและค่าต่อสัญญาที่สูงกว่าราคาเดิมมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนทั้งจากค่าเช่ารายเดือนและค่าต่อสัญญา จนต้องไปร้องทุกข์ผ่าน นาย อามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.เขต 2 นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้นำประเด็นดังกล่าวอภิปรายในสภาฯ เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ที่ตนดูแลอยู่ นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการทั้งหมดได้เข้าร้องเรียนกับ นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลกอีกด้วย
หลังจากนั้น นายอนิรุทร นายอำเภอสุไหงโก-ลก และ ส.ส.อามินทร์ มะยูโซ๊ะ ได้เข้าพบ นายสมโภชน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด เพื่อขอให้ปรับราคาใหม่ที่สูงกว่าราคาเดิมมาก ลงมาอีกหน่อย เพื่อที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะได้ไม่เดือดร้อนมากนัก อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่เริ่มซบเซา ทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่หันไปใช้บริการจากร้านสะดวกซื้อและห้างดังที่เปิดตัวมาได้ประมาณ 1 ปีกว่า แทนการเดินย่ำในตลาดที่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำเสียขังอยู่เป็นจุดๆ ทำให้อุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน ผู้ซื้อ-ผู้ขายเกิดช่องว่าง จนการค้าขายในตลาดแห่งนี้สะดุด ไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งนายสมโภชน์ ชี้แจงว่า จากที่ขอให้ขยายเวลาผ่อน ตนก็ทำให้แล้วเป็น 18 เดือน แต่ยืนยันว่าไม่สามารถปรับราคาลงอีกได้ เพราะชนเพดานแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสนามกีฬามหาราช อ.สุไหงโก-ลก จ. นราธิวาส นาย เกียรติยศ ศักดิ์แสง รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.นราธิวาส ลงพื้นที่พบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อรับฟังปัญหาและรับข้อร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าตลาดเก็นติ้งด้วยตนเอง ก่อนจะเดินตรวจสอบสภาพของตลาดสดเก็นติ้งทุกซอกซอยเพื่อเก็บข้อมูล
สำหรับหนังสือที่ยื่นเรียกร้องขอความเป็นธรรม ต่อสำนักงานอัยการฯ จำนวน 7 ข้อดังนี้ 1.ขอลดค่าต่อสัญญาเช่า 20 ปี และค่าเช่าที่ปรับใหม่ให้มีความเป็นธรรม ไม่ปรับขึ้นสูงเกินไป เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และขอผ่อนชำระค่าต่อสัญญาเป็น 18 งวด เนื่องจากตลาดเก็นติ้งจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง ที่เคยเกิดเหตุความรุนแรงถึง 3 ครั้ง และยังเป็นเป้าหมายในทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนในเขตชุมชน ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการเข้าตลาดแห่งนี้
2.ขอให้ทางบริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด แก้ไขข้อความในสัญญาเช่าฉบับใหม่ให้มีข้อความที่เป็นธรรมต่อผู้เช่า ไม่เอาเปรียบผู้เช่า
3.ผู้เช่าอาคารพาณิชย์ทั้งหมด “ขอคืนพื้นที่” ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลังของอาคารพาณิชย์ที่เช่าอยู่ ขอให้บริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด ย้ายแผงเเม่ค้าที่ตั้งกีดขวาง ให้ไปอยู่ในตลาดสด
4.ขอให้ทางบริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด ปรับปรุงตลาดเก็นติ้ง ที่มีอายุ 30 ปี มีสภาพทรุดโทรม ให้กลับมาสวยงาม สะอาดถูกหลักอนามัย พร้อมวางระบบท่อระบายน้ำใหม่ให้สามารถระบายของเสียได้มากขึ้น
5.ขอให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ตลาด เนื่องจากปัจจุบันสภาพถนนทรุดโทรม เป็นหลุมเป็นท่อ
6.ให้มีการจัดระเบียบตลาดใหม่ มีพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่มาจับจ่าย พร้อมติดป้ายห้ามจอดบริเวณที่กีดขวางการจราจร
7.ควรทำความสะอาดใหญ่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างและป้องกันการเเพร่พันธุ์ของหนูและยุง ซึ่งเป็นพาหะของโรค เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกอบการและผู้เข้ามาจับจ่าย
ทางด้าน นายเกียรติยศ ศักดิ์แสง รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.นราธิวาส กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ติดตามลงพื้นที่ตลาดเก็นติ้งว่า เนื่องจากทางสำนักงานอัยการฯ ได้รับทราบถึงปัญหาและความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ตลาดเก็นติ้ง ที่ได้ร้องทุกข์ผ่าน นาย อามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก จึงลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเดือดร้อนและรับข้อร้องเรียนของกลุ่มผู้ประกอบการฯ เพื่อที่จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายต่อไป
ต่อมาทีมผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปขอเข้าพบ นายสมโภชน์ หงษ์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทส่งเสริมการตลาด จำกัด เพื่อสัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากถูกพาดพิงถึงปัญหาข้างต้น โดยนายสมโภชน์ กล่าวว่า ทางบริษัทได้ทำสัญญาตามเงื่อนไขของการรถไฟฯ ซึ่งสัญญาใหม่นี้ จะต่างจากสัญญาเดิมคือ อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น จากเดิมสิทธิการเช่าอยู่ คูหาละ 2.5 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี พร้อมค่าเช่าที่ดิน เดือนละ 943 บาท ซึ่งจะเพิ่ม 5% ทุกปี จนครบ 30 ปี แต่สัญญาฉบับใหม่ ผู้เช่าชำระค่าต่อสัญญา 20 ปี คูหาละ 500,000 บาท และผู้เช่าต้องจ่ายค่าเช่าอาคารพร้อมค่าเช่าที่ดินเป็นรายเดือน ตามเงื่อนไขสัญญาที่เป็นระเบียบใหม่ของการรถไฟฯ ซึ่งคิดค่าเช่าเดือนละ 4,200 บาท และปรับเพิ่ม 10% ทุก 3 ปี ส่วนอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จากเดิมค่าเช่าอาคาร คูหาละ 1.5 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี โดยจ่ายค่าเช่าที่ดิน 1,037 บาทต่อเดือน และปรับเพิ่ม 5% ทุกปี แต่สัญญาฉบับใหม่ ผู้เช่าชำระค่าต่อสัญญา 20 ปี คูหาละ 450,000 บาท และจ่ายค่าเช่าอาคารพร้อมที่ดิน เดือนละ 3,800 บาท ปรับเพิ่ม 10 % ทุก 3 ปี
“ส่วนแผงซุ้ม 1 ชั้น จากเดิมชำระรายปี ปีละ 20,000 บาท เป็นระยะเวลา 30 ปี ค่าเช่าต่อวัน วันละ 54 บาท หรือเดือนละ 1,620 บาท แต่สัญญาใหม่ ผู้เช่าชำระค่าต่อสัญญา 20 ปี แผงละ 150,000 บาท อัตราค่าเช่าใหม่ปรับเป็นเดือนละ 3,000 บาท ปรับเพิ่ม 10% ทุก 3 ปี”นอกจากนี้ นายสมโภชน์ ยังกล่าวอีกว่า สัญญาฉบับใหม่ ได้ขยายเวลาให้เป็น 1 ปี 6 เดือน ซึ่งชนเพดานเกินกว่าที่จะผ่อนปรนให้แล้ว เพราะสัญญาที่ทำกับการรถไฟฯ ทางบริษัทต้องชำระเงินครบตามสัญญา เมื่อขยายเวลาการผ่อนชำระ บริษัทต้องแบกภาระดอกเบี้ยจากเงินส่วนนี้ประมาณ 10 ล้านบาท และทางบริษัทจะมีกำไร 25 % เมื่อสิ้นสุดสัญญาในปีที่ 20 ไม่ใช่มีกำไร 25% ตั้งแต่วันทำสัญญากับผู้เช่า ในฐานะภาคเอกชนที่ต้องบริหารจัดการให้มีกำไรอย่างเหมาะสม โดยราคาที่กำหนดเป็นไปตามระเบียบของการรถไฟฯ ที่บริษัทได้บวกค่าบริหารจัดการที่เหมาะสมแล้ว ส่วนการปรับปรุงและพัฒนาตลาดมีการระบุในสัญญาที่บริษัททำกับการรถไฟอยู่แล้ว พร้อมดำเนินการให้
“เราต้องทำอยู่แล้ว หลังจากได้ต่อสัญญากันเรียบร้อย ผมก็จะลงมือ แต่ทุกท่านที่ไปร้องเรียน ต้องบอกว่าได้ทำสัญญากันหมดแล้วนะ ซึ่งบางรายไปล่ารายชื่อเพื่อพยายามจะกดดันผม และไปฟ้องเพื่อให้ผมไปต่อสัญญา ซึ่งผมตั้งใจที่จะไม่ต่อสัญญาให้กลุ่มนี้ เพราะสร้างปัญหาให้ อันไหนที่ยอมได้ก็ยอมกันไป เดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏ สัญญาครั้งแรก ผมเก็บปีละ 200,000 บาท ถ้า 20 ปีก็คือ 400,000 บาท ส่วนซุ้มร้านค้าเก็บเขา 150,000 บาท ระยะเวลา 20 ปีและผมเก็บค่าเช่าเขาเดือนละ 3,000 บาทก็คือวันละ 100 บาท แต่เขายังบอกว่าแพง เขาร้องเรียนว่าเราไม่เห็นใจผู้ประกอบการ แต่ผมก็ช่วยในระดับที่ช่วยได้”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: