จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Wachi Wichai นำภาพน้องกิ๊ฟ น้องแก้ม สาวน้อยฝาแฝดตาสีฟ้า ลงในโลกโซเซียล สร้างความฮือฮา มีผู้แชร์และคอมเม้นท์ตั้งคำถามจำนวนมากว่าอาทิ น้องน่ารักตาสวย โตขึ้นเป็นนางแบบสายแฟชั่น พบ 1 ใน ล้าน น้องใส่คอนแทคเลนส์หรอครับ โตขึ้นคงสวยมาก ขณะที่มีผู้ให้ความเห็นว่า โรคตาสีฟ้า หรือ กลุ่มอาการวาร์เดนเบิร์ก (Waardenburg syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมพบยาก คนไข้กลุ่มนี้มีเสี่ยงหูหนวก 60 % นั้น นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นโรคหูเสื่อมและหอบหืดและฐานะยากจน ซึ่งผู้เป็นพ่อได้เลิกรากับนางคำจัน ปล่อยทั้งให้เด็ก ๆ อยู่กับแม่ตั้งแต่ 1ขวบ ต่างต้องฝ่ามรสุมชีวิตร่วมกันกับนางคำจันผู้เป็นแม่ตลอดมาจนถึงอายุ 9 ขวบ พร้อมทั้งวอนขอความช่วยเหลือจากสังคม ขอเครื่องช่วยฟังและเงินช่วยเหลือ ไว้ใช้จ่ายสำหรับการเดินทางขณะพาลูกทั้งสองไปรับการรักษายังโรงพยาบาล
ภายหลังที่มีกระแสข่าว ออกไปในโลกโซเชียลนั้น ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา พบว่ เด็กหญิงฝาแฝดทั้งสองมีแววตาดวงตาสีฟ้าตั้งแต่กำเนิดเชื่อว่าเป็นพันธุกรรมจริง นอกจากนี้มีความพิการทางการได้ยิน ส่งผลให้เด็กต้องอยู่ในสภาวะยากลำบากในการดำเนินชีวิต ประกอบกับครอบครัวมีฐานะยากจนบรรดาหาเลี้ยงบุตรตามลำพังจึงไม่สามารถนำบุตรไปตรวจรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงได้เปิดบัญชี เพื่อช่วยเหลือน้องเด็กฝาแฝดดวงตาสีฟ้าทั้งสอง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินที่ได้รับเกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้คณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายในบัญชีเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กเกิดประโยชน์สูงสุดและตรงกับวัตถุประสงค์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง ห้องประชุมของที่ทำการเทศบาลตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ภายหลังจากที่ทราบว่าทางชุดกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินในบัญชี เพื่อช่วยเหลือเด็กฝาแฝดดวงตาสีฟ้า ทั้งสองในวันนี้ พบว่ายอดเงินที่ได้การช่วยเหลือจากผู้ใจบุญเป็นเงิน 689,363.26 บาท นอกจากนี้ โรงเรียนโสตศึกษาพร้อมรับน้องทั้งสองเข้ารับการศึกษาและการเรียนรู้การภาษามือได้จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โดยใช้ทุนเรียนฟรีที่มีอยู่ของทางโรงเรียน ทำให้นางคำจันผู้เป็นแม่คลายความกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทางคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินในบัญชี เพื่อช่วยเหลือฯ ร่วมกันสอบถามความต้องการของนางคำจันในขณะนี้ต่อไปอย่างไร นางคำจัน เผยว่าเวลานี้ตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านของพี่สาวและพี่เขยที่พิการ หากเป็นไปได้อยากขอแบ่งเงินบางส่วนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพเป็นเงิน 20,000บาท และขอให้คณะกรรมการพิจารณาให้ตนได้ใช้หนี้ที่เคยยืมเงินญาติและเพื่อนคนที่รู้จักและเคยให้การช่วยเหลือ ตั้งแต่ครั้งที่ตนเคยฝากท้องและผ่าคลอด รวมถึงช่วงที่ลูก ๆ ไม่สบายก็เคยให้เงินหยิบยืมจากคนเหล่านี้เป็นเงินรวมราว ๆ เกือบ 60,000บาท นอกจากนี้อยากนำเงินปิดหนี้ รถ จยย.ที่หลานชายเป็นผู้กู้ซื้อรถคันดังกล่าว เพื่อให้ตนใช้พาเด็ก ๆไปหาหมอเวลาเจ็บป่วยเองได้ ซึ่งหากเป็นไปได้ตนอยากขอนำเงินบางส่วนที่ได้รับการช่วยเหลือคืนให้กับคนเหล่านี้ด้วย
จากนั้น คณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินในบัญชีเพื่อช่วยเหลือฯ จึงได้ร่วมกันพิจารณาและมีความเห็นสอดคล้อง อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินในบัญชีให้กับนางคำจัน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าหนี้โดยตรง เพื่อชำระหนี้ตามความต้องการ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพเบื้องต้นได้จัดสรรทุนเพื่อประกอบอาชีพ 20,000 บาท และชำระค่าเช่าบ้านกับพี่สาวเดือนละ 2,000บาท โดยจ่ายล่วงหน้าทุก ๆ 5เดือน ส่วนเครื่องซักผ้า ตู้เย็น ที่ตนเคยขอไว้นั้น เมื่อเห็นว่าลูกๆทั้งสองจะได้รับการดูแลเลี้ยงดูจากทางโรงเรียนแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นแล้ว จึงอยากให้นำเงินส่วนนี้รวมเป็นการศึกษาของลูกๆต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุมต่างเห็นชอบให้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อนำเงินที่เหลือทั้งหมดราว 900,000บาท เข้าบัญชีของน้องทั้งสองต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: