สถานการณ์รับมือน้ำไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ในสงขลา “ไพเจน มากสุวรรณ์” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับภารกิจช่วยเหลือประชาชน ระดมสรรพกำลังและเครื่องมือที่มีอยู่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในทันที วางแผนพร้อมความร่วมมือกับเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนอปท.ในพื้นที่ นำรถ JCB ขุดลอกคูระบายน้ำ เรือไฟเบอร์ เตรียมพื้นที่โคกไร่ตั้งศูนย์อพยพชั่วคราว พร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
“เราได้เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำหากน้ำมาเร็ว ประชาชนพื้นที่เสียงเดือดร้อนหนัก ทางอบจ.และสำนักงานช่างและอปท.ในพื้นที่ได้ร่วมมือกัน” นายไพเจนกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสงขลาได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ลานข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อำเภอเมือง สงขลา เครื่องสูบน้ำขนาด 10 นิ้ว ถูกติดตั้งเป็นจุดแรกเพื่อเตรียมพร้อมตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ก่อนจะกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น ข้างปั๊ม ปตท. อบต.ทุ่งหวัง, พื้นที่บ่อโพธิ์ ตำบลระวะ อำเภอระโนด และพื้นที่ 72 พรรษา อำเภอเมือง นำรถ JCB ขุดลอกคู ระบายน้ำข้าง รพ.สงขลา ขณะเดียวกัน เครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว ถูกนำไปติดตั้งในพื้นที่ตำบลวัดสน อำเภอระโนด แม้ว่าเครื่องขนาด 12 นิ้วสองเครื่องจะชำรุด แต่เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมเพื่อกลับมาใช้งานได้โดยเร็ว พร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
เตรียมพร้อมศูนย์อพยพที่ตลาดโคกไร่
“พื้นที่ตลาดโคกไร่จะเป็นที่พักพิงให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ” นายไพเจนกล่าวพร้อมตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่ศูนย์อพยพ ซึ่งจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ประสบภัย
ส่งเรือเข้าระโนด
สำหรับพื้นที่อำเภอระโนด มักเกิดปัญหาน้ำท่วมสูงกรณีที่เกิดน้ำทะเลหนุน ทางอบจ.ได้เตรียม เรือไฟเบอร์ในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงจนประชาชนไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เช่น ตำบลระวะ อำเภอระโนด อบจ.สงขลาได้ส่งเรือไฟเบอร์เพื่อเข้าถึงชุมชนลึกและพร้อมอพยพคนออกจากพื้นที่เสี่ยง
ในทุกจุดปฏิบัติการ นายไพเจนไม่เพียงแค่สั่งการ แต่ยังเดินหน้าลงพื้นที่และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ด้วยตัวเอง พูดคุยกับประชาชน รับฟังปัญหา และให้กำลังใจ “ภารกิจนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของอบจ. แต่เป็นเรื่องของเราทุกคน” คำกล่าวไม่ใช่แค่คำพูด แต่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำพาสงขลาฝ่าฤดูฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การนำของ “ไพเจน ” นอกจากใกล้ชิดกับประชาชนและการลงมือทำจริง กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความเป็นผู้นำในยามวิกฤต ไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังสร้างความหวังและศรัทธาในหัวใจของชาวสงขลา. ผู้นำท้องถิ่นยุคใหม่ที่เข้าใจปัญหา มีแนวทางในการแก้ไข และเตรียมพร้อม ก้าวพ้นเพื่อผ่านฤดูมรสุมนี้ไปด้วยกัน
