คิกออฟ 1 ธันวาคม สแกนใบหน้าขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องโชว์พาสปอร์ตและบัตรโดยสาร ลดเวลารอคอยนักเดินทาง ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) พร้อมแล้วในการให้บริการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการใช้บริการของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานของ AOT เหลือประมาณ 1 นาที จากเดิมประมาณ 3 นาที
ข่าวน่าสนใจ:
- เรื่องเพิ่งแดง! อาคารสนามบินตรังเสียหายยับเยิน ทิ้งร้างต่อหน้า “นายหัวชวน” นั่งไม่ติดร้อนใจรุดดู ผงะ!มือมืดลักสายไฟนานแรมปี
- ฝนถล่มยะลา! น้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ เสี่ยงระดับน้ำสูงขึ้นอีก (คลิปปชช.อพยพหนีน้ำ)
- พ่อเลี้ยงเสี่ยบุญมั่นควักกระเป๋า มอบเงินแข่งขันกีฬาโรงเรียน
- นนทบุรี พบศพหนุ่มวัยรุ่นถูกแทงดับปริศนากลางซอยหมู่บ้านใหญ่ย่านนนทบุรี
สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน ได้ 2 วิธี คือ (1) เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร โดยระบบฯ จะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร (2) เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS: Common Use Self Service) ผู้โดยสารสามาถทำการกดปุ่มเลือกสายการบินที่เดินทาง ตามด้วยการกดเลือกให้ความยินยอมลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric (Consent Notice) และดำเนินการเช็กอินผ่านระบบจนได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) จากนั้นทำการสแกน barcode ในบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) แล้วเสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบฯ จะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร และหากผู้โดยสารมีความประสงค์จะโหลดกระเป๋าสัมภาระ สามารถทำผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD: Common Use Bag Drop) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น และขั้นตอนขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ ข้อมูลของผู้โดยสารที่ถูกบันทึกไว้จะถูกลบทิ้งภายใน 48 ชั่วโมงนับจากเริ่มลงทะเบียน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และ ข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act: PDPA) ของประเทศไทย
AOT มุ่งมั่นพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบให้มีความพร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานเหนือระดับ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เติบโต ตลอดจนเป็นการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: