ศึกเลือกตั้ง อบจ.แพร่ เมื่อเสี่ยเอนเลือกชื่อกลุ่มเพื่อไทยทิ้งกลุ่มฮักเมืองแพร่ เกิดคู่แข่งทันที กลุ่มแพร่เข้มแข็ง ประกาศลงทุกเขตสนามเลือกตั้ง
ทันทีที่เสี่ยเอน นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ เปิดตัวทีมบริหาร และ ส.อบจ.ครบ 24 เขต ภายใต้เสื้อพรรคเพื่อไทย ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (โรงบ่มใบยาบ้านทุ่งกวาว) หรือบ้านของเสี่ยแมว นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
โดยเสี่ยเอน อนุวัธ วงศ์วรรณ ประกาศลงเลือกตั้งนายก อบจ.แพร่ อีกสมัยเป็นสมัยที่ 4 ในนามพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ทั้ง 24 เขตใน 8 อำเภอ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขต 3 ในฐานะแกนนำศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยจ.แพร่ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรอเป็นรัฐบาลมานานตั้งแต่มีรัฐประหาร วันนี้ถือว่าโชคดีที่พรรคเพื่อไทยวางน้ำหนักไปที่การเลือกตั้งท้องถิ่น วางตัวนายอนุวัธ วงศ์วรรณ เป็นผู้สมัครสนามเลือกตั้งนี้อีกครั้ง เพราะต้องการพลังท้องถิ่นทำงานร่วมกับรัฐบาลภายใต้การทำงานของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ทางด้านนายอนุวัธ วงศ์วรรณ ว่าที่ผู้สมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย สืบเนื่องจาก พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งถ้าลงในนามพรรคเพื่อไทยเราอาจถูกกีดกันการประสานงาน การติดตามงบประมาณอะไรต่างๆ อาจติดขัด การลงเลือกตั้งทั้งทีมในนามพรรคเพื่อไทยถือเป็นโอกาสที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาล
จากกระแสการเปิดตัวผู้สมัครสนามเลือกตั้ง อบจ.แพร่ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รวมเอานักการเมืองท้องถิ่นชุดเดิมและบางเขตเปลี่ยนเป็นนักการเมืองหน้าใหม่รุ่นลูกเข้ามาในสนามเลือกตั้งเป็นการสืบทอดอำนาจและรุ่นพ่อเข้าไปสู่ทีมบริหาร
เดิมทีนั้น คู่แข่งคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยก็คือ พรรคประชาชน ที่มุ่งมั่นสนามท้องถิ่นในจังหวัดแพร่ แต่ทว่าการทำงานของพรรคประชาชนที่ยังคงเริ่มจัดตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ประสานงานพรรค สำนักงานสาขาพรรค ผู้บริหารในระดับจังหวัด ระดับตำบลยังก่อรูปไม่ทัน อีกทั้ง โกลี่ นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีตำบลป่าแมต อ.เมืองแพร่ แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาชน มีข้อจำกัดหลายประการจนไม่สามารถลงสนามเลือกตั้งนี้ได้ ทำให้พรรคประชาชนต้องยุติการส่งผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนายกอบจ.แพร่ในสนามเลือกตั้งนี้ เรียกได้ว่า ไม่มีตัวก็ว่าได้ ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่สนับสนุนสีส้มข้อนข้างผิดหวังและเสียดายมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มสนใจการเมืองจึงเห็นช่องข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดกลุ่มการเมืองใหม่ ประกาศลงสนามเลือกตั้งเพราะมองสถานการณ์ทางการเมืองในเมืองแพร่แล้วถือเป็นโอกาส โดยเฉพาะรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยขาดเสถียรภาพนการบริหารและอาจเผชิญพายุทางการเมืองที่หนักหน่วงอาจส่งปัญหาให้กับจังหวัด ทำให้สถานการณ์พลิกผัน
ขณะนี้กลุ่มข้าราชการ กลุ่มคนทำงานในชุมชน รวมตัวกันเกิดกลุ่ม “แพร่เข้มแข็ง” นำทีมโดย นายณัฐชนนท์ พรรัตนอนันต์ หรือ นายช่างติ๋ว อดีตเป็นข้าราชการครู กรมสามัญศึกษา และย้ายไปอยู่กรมชลประทาน ทำงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531-2565 เกษียณอายุราชการ ประกาศรวมคนทำงานในพื้นที่จังหวัดแพร่ 8 อำเภอ ทั้ง 24 เขตเลือกตั้ง ฟอร์มทีมสู้ศึกเลือกตั้งสนาม อบจ.แพร่ทันทีที่เห็นกระแสการเมืองที่เกิดขึ้น เตรียมประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ทั้ง 24 เขตในเร็ววัน โดยนายณัฐชนนท์ ยืนยันไม่ส่งทีมบริหารแข่ง แต่ต้องการนำเสนอคนทำงานที่มีศักยภาพให้ประชาชนได้เลือก
นายช่างติ๋ว กล่าวว่า ตนเป็นคนแพร่โดยกำเนิด แต่ไปรับราชการทำงานอยู่หลายจังหวัดวันนี้เสนอตัวเข้ารับเลือกตั้ง สนามท้องถิ่นด้วยเหตุผลหลายประการ ที่ตัองการพัฒนาการบริหารจังหวัดแพร่ให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา พบว่า นักการเมืองท้องถิ่นระดับ ส.อบจ. ขาดประสิทธิภาพการทำงานทำให้การพัฒนาจังหวัดแพร่ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควรจะเป็น ส.อบจ.แพร่มีกรอบคิดแบบการเมืองเดิมๆ ไม่คิดพัฒนาร่วมกับประชาชนอย่างจริงจัง รอฟังคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มหรือผู้บริหารไม่คิดลงแก้ปัญหากับประชาชน ถ้าปล่อยไป การพัฒนาเมืองแพร่จะล้าหลัง จึงถือโอกาสนี้ รวมคนทำงานดีๆ ในอดีตมาลงสนามเลือกตั้งเพื่อโอกาสที่ดีของคนเมืองแพร่ ช่วงนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการประกาศตัวอย่างเป็นทางการต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
กลุ่มแพร่เข้มแข็ง ที่ออกมาท้าชนนักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวคิดที่ว่า “แพร่เข้มแข็ง แก้ไขทุกปัญหา พัฒนาทุกด้าน ประสานทุกชุมชน พัฒนาคนทุกระดับ นายช่างติ๋วหรือ ณัฐชนนท์ พรรัตนอนันต์ ประกาศตัวลงในเขต 2 อ.เมืองแพร่ และจะมีการประกาศตัวอย่างเป็นทางการต่อไปนั้น โอกาสของกลุ่มแพร่เข้มแข็ง ที่จะเอาชนะ ส.อบจ.เก่า มีเหตุปัจจัยหลายประการ ประการแรก ประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลดลง จึงมีการเกลี่ยพื้นที่กันใหม่ ทำให้ นักการเมืองเก่าที่อยู่มาหลายสมัย ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อให้ประชาชนรู้จัก ประการต่อมา นักการเมืองเดิมๆ ไม่มีการลงพื้นที่เข้าถึงประชาชน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถแก้ปัญหาในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยของนายอนุวัธ จะมีค่ายสังกัดทันทีในเมื่อประชาชนมีความหลากหลายความคิดทางการเมือง มีการสื่อสารที่รู้เท่าทัน เกมส์การเมือง และที่สำคัญตัวนักการเมืองหน้าใหม่ ของกลุ่มแพร่เข้มแข็ง นั้นอยู่ในชุมชนมีฐานะทางสังคมที่ชุมชนยอมรับ แกนนำกลุ่มแพร่เข้มแข็งให้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศตัวลงแข่งขันของการเมืองท้องถิ่น ทำให้บรรยากาศการเมืองในจังหวัดแพร่มีสีสันขึ้นมา นอกจากนั้นนักการเมืองเก่าที่เคยคิดว่า ถ้าเดินตามนายหมาไม่กัด มีนายต้องนอนมา นักการเมืองพวกนี้อาจต้องหาเสียงเพิ่มขึ้น เลือกตั้งไปตามกระแสคงไม่ได้อีกแล้ว
นี่เป็นสถานการณ์ทางการเมืองท้องถิ่น สนาม อบจ.แพร่ มีความคึกคักแล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่ถึงวันรับสมัครเลือกตั้ง อาจมีกลุ่มการเมืองอีกหลายกลุ่มเสนอตัวออกมาชิงพื้นที่มากขึ้นก็เป็นได้ เพราะเห็นช่องโหวของการเมือง เมื่อนายอนุวัธ วงศ์วรรณ เลือกเดินไปกับนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ แกนนำศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยจังหวัดแพร่ พร้อมกับนายอนุวัธ กลายเป็นผู้ที่มิได้ใช้ศักยภาพของตนเองเสนอให้ประชาชนเป็นศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนไปพร้อมๆ กัน การเมืองในเมืองแพร่จึงต้องจับตา/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: