ฉะเชิงเทรา – ยังร้อนแรงอย่างต่อเนื่องทั้งที่สภาเก่ายังไม่หมดวาระ สนามเลือกตั้งนายก อบจ.แปดริ้ว นายกไก่อ้างถูกมือดีปลอมแปลงเพจเฟซบุ๊กแจกเงิน ออกมาเผยแพร่แข่งขันกับเพจจริง ลวงให้ชาวบ้านกดสติ๊กเกอร์อวยพรวันเกิดเพื่อแลกกับเงินจำนวน 1 หมื่นบาท ล่าสุดทีมงานออกมาเคลื่อนไหวระบุได้เตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว
วันที่ 7 ธ.ค.67 เวลา 12.25 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการส่งต่อข้อความชี้แจงจากทีมงานประชาสัมพันธ์ ของนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นลักษณะข้อความแจ้งเตือนบอกกล่าวกับประชาชนบนสื่อโซเชียลในโลกสังคมออนไลน์ว่า “ 💢ปลอม💢ข่าวด่วน!!💢 💢แจ้ง #เพจปลอม มือดี แอบอ้างใช้รูปผม กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ใช้เป็นรูปโปร์ไฟล์ อย่าหลงเชื่อ ใครทำ เดี๋ยวรู้ พร้อมแจ้งความดำเนินคดี #เพจปลอม มีคนแปดริ้วรับเป็นเพื่อนเยอะ เพราะเข้าใจผิด มิจฉาชีพเยอะ…โปรดระวัง 💢ด่วน!!! #การเมืองยังไม่ทันเริ่ม เล่นไม่ซื่อซะแล้ว”
พร้อมกับมีภาพเปรียบเทียบระหว่างหน้าเพจเฟซบุ๊กปลอมที่กำลังถูกนำออกมาแพร่หลายในสังคม และเพจเฟซบุ๊กจริง ที่ทีมงานประชาสัมพันธ์และตัวนายกิตติใช้งานบนโลกสื่อสังคมออนไลน์ โดยภาพเพจปลอมนั้นลักษณะภาพฉากหลังของหน้าเพจด้านหลังภาพของนายกิตติ ที่สวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีดำยื่นมือระดับราวนมโพสต์ท่าทำมินิฮาร์ท นั้น จะเป็นรูปพระอุโบสถของวัดหลวงพ่อโสธร ขณะเพจจริงภาพฉากหลังของหน้าเพจนั้นจะเป็นภาพองค์หลวงพ่อโสธรที่อยู่ในหมู่พระพุทธรูปภายในพระอุโบสถหลังใหญ่รวม 17 องค์ เป็นฉากด้านหลังภาพถ่ายท่ามินิฮาร์ทภาพเดียวกัน
โดยมีการทำเครื่องหมายกากบาทสีแดงที่ด้านบนภาพหน้าเพจปลอม และทำเครื่องหมายถูกสีเขียวที่ภาพหน้าปกเพจจริง และยังมีความแตกต่างกันที่จำนวนผู้ติดตามบนเพจจริงที่จำนวน 2.5 หมื่น และอีก 59 กำลังติดตาม ส่วนเพจปลอมนั้น หน้าเพจแสดงจำนวนเพื่อน 36 คน 4 ผู้อยู่ร่วมกันและมีการกดถูกใจ 3.5 พันคน ซึ่งข้อความที่ถูกโพสต์ในเพจปลอม ที่ใช้ชื่อผู้โพสต์ว่า “อาจารย์ กิตติ พารวย วันนี้วันเกิด อาจารย์ ครับ แค่ส่งสติ๊กเกอร์ Happy dirthbay คนละ 1 ดว รับไป 10,000 บาท พร้อมโอนครับ เอาไปทำทุนครับ”
และยังมีภาพของการแคปหน้าจอโทรศัพท์โพสต์ภาพของการโอนเงินผ่านทางการทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชั่นธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีชื่อบุคคลที่เป็นผู้โอนให้นั้น เป็นชื่อของ จนท.ในสำนักงานตรวจเงินแผนดิน จ.ชัยภูมิ ไปยังอีกบุคคลหนึ่ง พร้อมมีข้อความกำกับว่า “โอนให้แล้วนะ” นอกจากนี้ทางทีมงานประชาสัมพันธ์ของนายกิตติ ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้นายกิตติ ได้มอบหมายให้บุตรชาย ทำการสืบหาต้นตอของเพจ และมอบอำนาจให้กับทีมนักกฎหมายเข้าแจ้งความยังที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทราแล้ว
