ตรัง อ้างเลขานายกฯเทศบาล โทรสั่งข้าวกล่องแจกน้ำท่วม ขอจ่ายมัดจำเป็นเช็ค สั่งเปิดแอพธนาคาร-หลอกโอนเงิน แม่เจ้าของร้านดังเมืองตรัง ตกเป็นเหยื่อ ลูกสาวโอดเหมือนถูกซ้ำเติมในภาวะศก.แย่
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรังได้รับเรื่องร้องเรียน จากเจ้าของร้านรสเยี่ยม ภายในเขตเทศบาลนครตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นร้านขายข้าวขาหมู และ ขายก๋วยเตี๋ยว ที่เปิดมานานกว่า 35 ปี โดยนางปรียาพันธ์ โว้ยสิน อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และน.ส.กชพรรณ หนูเผือก อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คุณแม่ได้ถูกมิจฉาชีพ อ้างเป็นเลขานายกเทศบาล โทรมาสั่งข้าวกล่องจำนวน 100 กล่อง และจะจ่ายค่ามัดจำให้ โดยบอกว่าจะสั่งจ่ายเป็นเช็ค แล้วยังหลอกให้เจ้าของร้านทำธุรกรรมตาม โดยให้เข้าทางแอพพลิเคชั่นธนาคาร และให้โอนไปยังพร้อมเพย์หมายเลข 14000652463543 ซึ่งเป็นชื่อของนายศุภชัย ทองบังเกิด (Truemoney) จากที่ลูกค้าที่สั่งจะต้องโอนเงินมัดจำ 3,000 บาท กลายเป็นคุณแม่เจ้าของร้านกลับโอนไปให้เขา 3,000 บาทแทน และหลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ยอมรับว่าคุณแม่ตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกว่าตนเองไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพ จึงอยากฝากออกมาเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้ประกอบการและร้านอาหารต่างๆ
น.ส.กชพรรณ หนูเผือก อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว บอกว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีเบอร์โทรมาหาคุณแม่ของตนเอง ซึ่งแจ้งว่าเป็นลูกค้าที่จะสั่งข้าวกับทางร้านจำนวน 100 กล่อง ซึ่งเขาแจ้งมาว่าเป็นเงินจำนวน 6,000 บาท และถามมายังแม่ของตนเองว่าทำทันไหม และถามด้วยว่าต้องการเก็บมัดจำไหม ถ้าต้องการเก็บมัดจำก็จะมีการให้เป็นเช็คซึ่งได้บอกกับคุณแม่ของตนว่า ต้องเข้าแอพธนาคารก่อน และแนะนำให้กดตามเขา โดยให้กดไปในรูปแบบพร้อมเพย์ให้กรอกเป็นเบอร์ e-wallet 15 หลัก ซึ่งตอนแรกคุณแม่ก็ได้ถามว่าทำไมต้องเป็นทางเราโอนไปให้เขาก่อน ซึ่งเขาบอกว่าคุณแม่ไม่เคยรับเช็คหรือเปล่า ต้องทำขั้นตอนตามนี้ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเงินจะไม่เด้งเข้าทางเรา ซึ่งคุณแม่ก็โอนไปให้เป็นเงินมัดจำจำนวน 3,000 บาทก่อน พอหลังจากโอนเข้าไปแล้วเขาก็ได้ทำการตัดสาย แล้วก็ไม่สามารถติดต่อเบอร์นั้นได้อีกเลย ตอนนั้นคุณแม่ก็เอะใจ ว่าจะส่งมาให้คุยกับลูกสาวไหม แต่ด้วยที่คุณแม่แอบเกรงใจลูกค้า กลัวลูกค้าจะรู้สึกว่ายุ่งยากคุยหลายขั้นตอน ก็เลยโอนไปให้ก่อน ซึ่งลักษณะพูดคุยจะคุยเหมือนลูกค้าทั่วไปเลย เขาแจ้งว่าเอาจำนวน 100 กล่อง แยกเป็นถุงละ 5 ชุด ไม่เอาน้ำซุป เป็นเสียงผู้หญิงพูดสำเนียงใต้ และอ้างชื่อว่ามาจากนายกเทศบาล แต่ไม่ได้แจ้งว่าเป็นเทศบาลไหน ต้องการจะช่วยน้ำท่วม จะเข้ามารับข้าวกล่องวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น. ต้องการให้ทางร้านเตรียมไว้ให้เลย ซึ่งเราพยายามติดต่อเบอร์นั้นแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ไม่ว่าจะใช้เบอร์อื่นติดต่อเข้าไปก็ตาม เงินก็สูญไปเลยจำนวน 3,000 บาท
“ยอมรับว่าเราเปิดร้านนี้ขายมานาน 35 ปีแล้ว ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่หากเหมือนเจอกับหนูเอง ก็จะเอะใจก่อน อาจจะไม่ได้ทำธุรกรรมในแบบนั้นให้ แต่ในส่วนของคุณแม่ไม่ทราบจริงๆว่าในรูปแบบเช็คหรือรูปแบบไหน ก็เลยเผลอที่จะทำธุรกรรมนั้นไป ซึ่งคุณแม่ทำตามในรูปแบบนั้นก็เลยสูญเสียเงินไปเลย จึงอยากฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ สำหรับร้านอาหารต่างๆ ไม่อยากฝากให้ระวังตัวกันมากขึ้น ถ้าหากไม่ให้รับมัดจำเลย ก็คงเสียในรูปแบบข้าว ถ้าเมื่อเรารับมัดจำในรูปแบบนี้หรือว่าถ้าแบบเช็คต้องธนาคารเท่านั้น หรือว่าโอนเป็นเงินสดขอให้เป็นเงินสดจะเหมาะกว่า และอยากให้มาคุยเป็นการต่อหน้า ซึ่งการทำผ่านธุรกรรมทางมือถือช่วงนี้ค่อนข้างเป็นอันตรายมาก อยากให้เป็นการทำธุรกรรมต่อหน้ากันมากกว่า อยากฝากในเป็นอุทาหรณ์ในส่วนของพ่อแม่คนอื่นๆด้วยว่าอย่าให้ชะงักหรือสอบถามลูกหลานก่อน ซึ่งบางครั้งพ่อแม่ของเราก็อายุมากอาจไม่ได้ทราบเลยว่าเป็นการทำธุรกรรมที่โดนหลอกไปแล้ว ในเรื่องของการซื้อของและยิ่งเราค้าขายเปิดร้านค้าแบบนี้ด้วย ทั้งนี้เบื้องต้นได้รวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆ เพื่อที่จะเตรียมแจ้งความแล้ว และได้ทำการแจ้งอายัดไปยัง true money อายัดบัญชี โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เราทำเอกสารเกี่ยวกับการแจ้งความมาก่อน”
น.ส.กชพรรณ บอกว่า คาดว่ามิจฉาชีพเหล่านี้จะมาในหลากหลายรูปแบบเพิ่มมากขึ้นทั้งน้ำท่วม ทั้งช่วงปีใหม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหลังจากนี้ตนเองจะเป็นคนรับสายโทรศัพท์ในการติดต่อออเดอร์ต่างๆกับลูกค้าแทน และในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ร้านค้าหลายร้านก็ซบเซามาก ลูกค้าก็มีน้อย บางครั้งเราก็อยากได้ลูกค้า แต่ลูกค้ากลับกลายเป็นมิจฉาชีพแทน จึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยระมัดระวังด้วย ให้ดูเคสของเราเป็นตัวอย่าง หากส่วนที่เป็นลูกค้าจริงๆ เราควรที่จะเช็คให้ชัวร์ก่อน หรือนัดให้มาคุยกันที่หน้าร้านจะดีกว่า จะได้เซฟทั้งเขาและเราไปเลย
