วันที่ 27 ธันวาคม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จังหวัดแพร่ ส่งนายชัยชนะ วงศ์สมนิติกรประจำสำนักงานเข้าพบนางแดง เงี้ยวแปง อายุ 43 ปี ชาวบ้านม่วงคำ เลขที่ 97 หมู่ 1 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ หลังพบว่านางแดงเป็นบุคคลปกติแต่มีหลักฐานเป็นผู้พิการมานานถึง 5 ปี นางแดงมาทราบว่าตนเป็นผู้พิการเมื่อไปโรงพยาบาลเข้ารักษาโรคตาที่โรงพยาบาลกลาง กทม.แล้วพบว่านางแดงมีสถานะเป็นผู้พิการในการรับสิทธิ์การรักษาพยาบาล แต่นางแดง เป็นบุคคลปกติไม่ทุพลภาพแต่อย่างใด ทำให้นางแดงขอกลับมารักษาที่โรงพยาบาลแพร่ ได้ตรวจสอบที่โรงพยาบาลแพร่ก็พบว่าเป็นผู้พิการตามหลากฐานในบัญชีผู้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาล หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยโรงพยาบาลคิดค่ารักษาโรคตาสูงถึง 40,000 บาทนางแดงได้พยายามแก้ปัญหา โดยไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สรอย และ ที่ อบต.สรอย เพื่อเป็นหลักฐานและขอความเป็นธรรมเมื่อเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นข่มขู่ว่าห้ามอ้างหน่วยงานราชการมาเกี่ยวข้องเพราะจะถูกฟ้องดำเนินคดีสร้างความเสียหายให้หน่วยงานราชการนั้น ๆ
นายชัยชนะ วงศ์สม นิติกร สำนักงาน พม.จังหวัดแพร่ ได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เป็นการสอบปากคำนางแดงโดยตรง ก็พบว่านางแดงเป็นชาวบ้านที่มีฐานะยากจน ช่วงแรกของการทำงานไปรับจ้างทำงานก่อสร้างของบริษัทก่อสร้างใน กทม. ช่วงหนึ่ง ซึ่งนางแดงได้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาลในช่องทางของประกันสังคม แต่หลังจากออกจากการทำงานก่อสร้าง หันไปทำงานรับจ้างทั่วไปนางแดงไม่ได้ส่งต่อในสวัสดิการประกันสังคม และแจ้งถอนสิทธิ์ดังกล่าวไปแล้วเพราะไม่มีเงินส่งแบบประกันตนเอง โดยขอรับสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่นางแดงก็มิได้เจ็บป่วยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จนมาป่วยเป็นตาต้อกระจก ทำให้ต้องไปรักษาโรคที่โรงพยาบาลกลางเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่า ตนเป็นผู้พิการได้รับสิทธิ์การรักษาแบบผู้พิการ ซึ่งทางโรงพยาบาลเรียกหาบัตรประจำตัวผู้พิการ แต่นางแดงไม่มี และที่โรงพยาบาลเรียกค่ารักษาพยาบาลจำนวน 40,000 บาทเพราะไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน ในส่วนของความเป็นผู้พิการนางแดงต้องการให้ตรวจสอบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
นายชัยชนะ วงศ์สม นิติกร สำนักงาน พม.จังหวัดแพร่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลของการสอบสวนยังไม่แน่ชัดจึงข้องดให้รายละเอียดในการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนไว้ก่อนและจะมีการให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก พม.ต่อไป
พระยงยุทธทีปโก เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น เป็นผู้หนึ่งที่นางแดงไปขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหา ที่กลายเป็นผู้พิการโดยที่ตนไม่ได้ไปดำเนินการใดใดและไม่ได้เป็นผู้พิการตามหลักฐาน วันที่ 28 ธันวาคม พระยงยุทธกล่าวว่า เรื่องนี้น่าสงสัยว่า การทำหลักฐานคนพิการไม่ใช่ทำกันง่ายๆ ต้องผ่านการรับรองหลายขั้นตอน และมีผลต่อการให้บริการสุขภาพรวมทั้งสวัสดิการที่ได้รับในแต่ละเดือนที่เงินงบประมาณต้องโอนเข้ามาให้ผู้พิการที่มีการขึ้นทะเบียนทุกเดือน ดังนั้นกรณีของนางแดง ไม่ควรนิ่งนอนใจ ในขณะเดียวกันเป็นตัวบ่งชี้ว่า มีความผิดปกติในการเสนอชื่อผู้พิการเพื่อเข้ารับสวัสดิการซึ่งเป็นงบประมาณของรัฐ นางแดงต้องได้รับงบประมาณช่วยเหลือในแต่ละเดือนเป็นเวลา 5 ปี งบประมาณนี้การโอนเข้ามาแล้วไปอยู่ที่ไหน และ คนพิการทั้งจังหวัดที่ขึ้นทะเบียนแล้วมีจำนวนเท่าไหร่ ควรมีการพิสูจน์คนพิการทั้งจังหวัดว่ามีสภาพร่างกายพิการจริงหรือไม่กี่คน รวมทั้งผู้พิการจริงๆ ที่เข้าไม่ถึงสิทธิ์มีกี่คน ควรเร่งปฏิบัติเพื่อความโปร่งใสและเป็นไปตามนโยบายช่วยเหลือคนจนให้เป็นรูปธรรมก่อนสิ้นปีนี้
