จะว่าไปแล้ว สภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่ นวัตกรรมและรูปแบบใหม่เหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมเดิม หรือที่เรียกว่า“Digital Disruption”
ไม่มีละเว้นแม้แต่ธุรกิจ’ค่ายเพลงลูกทุ่ง’ที่ต่างได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ค่ายเพลงเล็กๆ” เกิดขึ้นมากมายและใช้การนำเสนอผลงานผ่าน Youtube LINE TV Facebook และInstagram อาศัยช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว ก็สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ง่ายมากขึ้น
ขณะเดียวกันค่ายเพลงใหญ่2-3ค่ายที่เคยครองตลาดเพลง ก็ถูก’ค่ายเพลงเล็ก’ที่มีต้นทุนต่ำติดดินแย่งส่วนแบ่งลูกค้าคนฟังไปอีกแบบต่อหน้าต่อตา
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ‘ค่ายลูกทุ่ง’เดิมที่บ้างค่ายมีอายุยืนยาวมากกว่า20-30ปีก็ต้องเข้าสู่โหมดภาวะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมองค์กรขนานใหญ่มาระยะหนึ่งเพื่อรับมือกับโลกดิจิทัล ที่นับวันเริ่มมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
Aood tv.com ได้พูดคุยกับ ศุภชัย นิลววรณ อดีตผู้บริหารจากบริษัทอาร์สยามที่มีแผนงานจะรีเทิร์น กลับเข้ามาสู่ธุรกิจ’ค่ายเพลงลูกทุ่ง’ในรูปแบบใหม่ช่วงเดือนมกราคมนี้ ถึงแผนรับมือกับความท้าทาย ที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
“เณร ศุภชัย” ฉายภาพให้ฟังถึงโมเดล’ค่ายเพลงลูกทุ่ง’ที่ต้องมีมากกว่าที่เคยและเป็นมากกว่าที่เคยทำ ขยายความง่ายๆ ’ค่ายเพลงลูกทุ่ง’ที่เคยแต่ทำเพลงสร้างนักร้องรอการแบ่งรายได้จากการขายงานโชว์จากนักร้องในสังกัด รอเศษเงินจาก Youtube วันนี้ต้องมีความรอบด้านของการที่จะหารายได้ มีการขายงานเอง ต้องมีกิจกรรมอีเว้นท์ ต้องแสวงหาพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศต้องสร้างสิ้นค้าเป็นของตัวเอง และต้องทำเพลงที่มาจากความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีหลายกลุ่มในปัจจุบันที่สำคัญกว่านั้นคนที่จะมาเป็นผู้นำ ต้องเป็นโซเชียลด้วย”
นอกจากนั้นการปรับตัวของค่ายเพลงลูกทุ่งพ.ศ.นี้นอกจากขนาดองค์กรที่เล็กลงแล้วยังต้องมีแผนกที่สำคัญๆดังนี้ด้วยถึงจะอยู่รอดบนธุรกิจเพลงที่โลดแล่นอยู่บนอากาศ
ต้องอยู่ในทุกจุดสื่อบันเทิงที่ “ผู้บริโภค” ใช้อยู่
เพราะกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ โดยเฉพาะเจนเนอเรชั่นหลังที่ใช้ช่องทางสื่อสารในแต่ละประเภท รวมถึงแยกย่อยลงไปถึงแต่ละโลเกชั่นของความบันเทิงกันทีเดียว นอกเหนือจากเพลงแล้วความเป็นศูนย์กลางของ”เอ็นเตอร์เทนเม้นท์”บน “Digital Disruption”ก็ต้องมีความหลากหลายเห็นได้ชัดจาการที่นักร้องดังๆหลายคนหันมาเปิดช่องทางเป็นของตัวเองบนแพลตฟอร์มสื่อใหม่ๆ ที่สร้างการรับรู้ได้รวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด
สร้างงานด้วยดีไซน์และนวัตกรรม
ค่ายเพลงลูกทุ่ง ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ ถ้าจะโตต่อในยุค Digital Disruption และ ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนนั้น จะต้องไม่ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิมๆ การพัฒนารูปแบบแนวเพลงใหม่ ๆที่มีทั้งในและนอกประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีโปรไฟล์แตกต่างกัน รวมถึงการออกแบบและสร้างสรรค์อีเวนท์แบบสมัยเพื่อสนองตอบกับสิ้นค้าได้แบบครบวงจร และสอดรับกับเทรนด์คนฟังแต่ละกลุ่มอยู่ตลอดเวลา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
กล้าที่จะนำเสนอแนวเพลงใหม่ๆไม่เลียนแบบ
ค่ายเพลงลูกทุ่งยุค5.0 สร้างเพลงคุณภาพไม่สุกเอาเผากิน และ ต้องรู้จักต่อยอดเพลงให้มีหลากหลายแนวเหมือนที่นิยม นำเพลงต่างๆมา“คัฟเวอร์”ในหลากหลายรูปแบบเพื่อทำให้เพลงสามารถเข้าถึงกลุ่มคนฟังได้หลากหลายกว่าเดิม เพื่อลองรับกับทุกๆสิ้นค้าที่ต่างหันมาแพลนโฆษณาในส่วนต่างๆของสื่อ เมื่อเพลงเข้าถึงทุกกลุ่มคนฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกทุ่งมาตรฐาน เพลงลูกทุ่งอีสาน เพลงสตริงอีสาน(อินดี้) เพลงแนวสมัยใหม่อื่นๆ ย่อมได้เปรียบคู่แข่ง
3ทีมสำคัญที่ค่ายเพลงยุคนี้ควรมี
จากช่วงที่ผ่านมาค่ายเพลงลูกทุ่งที่มีอยู่ มีการปรับขนาดองค์กรกันมาพักใหญ่จน ตกตะกอนแล้วพบว่าแผนกสำคัญๆที่ค่ายเพลงยุค5.0ควรมีประกอบด้วย
– ทีมเพลงฟรีแลนซ์ หรือ เอาท์ซอร์ส น่าจะเหมาะกับสมกับสถานการณ์ช่วงนี้ เนื่องด้วยรูปแบบรายได้ของวงการเพลงเปลี่ยนไป ไม่ได้มีเรื่องของ%จากซีดีเหมือนก่อน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเพลงต้องแบกรับสวัสดิการในส่วนนี้เป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร การใช้ ทีมฟรีแลนซ์ หรือประเภทเอาท์ซอร์สจะทำให้เกิดความหลากหลายของเพลงด้วย
– ทีมประชาสัมพันธ์โซเชียลมีเดีย ด้วยรูปแบบการประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทีมนี้ถือว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าทีมเพลง เพราะทีมนี้จะเป็นตัวนำในการสร้างการรับรู้ให้สังคม ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ไปด้วยในตัว เพราะทุกขั้นตอนการทำเพลงจะสามารถนำมาใช้ในการทำประชาสัมพันธ์ได้
– ทีมการตลาดและขายอีเวนท์ ทีมนี้จะประสานกับทั้งเจ้าของสิ้นค้า พร้อมพ่วงเอาเพลงที่มีต่อยอดทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาด ซึ่งสิ้นค้าส่วนมากจะชอบสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง
